เราศึกษาสัมปฏิจฉันน กับ จิตที่เราไม่รู้ไปทำไม


    ผู้ฟัง จิตที่ปรากฏ คือ สัมปฏิจฉันนะ หรือ ลักษณะใดลักษณะหนึ่งไม่สามารถจะทราบได้เลย แต่ว่าเราศึกษาไปทำไม

    ท่านอาจารย์ ศึกษาเพื่อให้เห็นพระปัญญาคุณของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงแสดงสภาพธรรมที่เกิดเพราะมีปัจจัย เมื่อเกิดแล้วดับ แล้วก็ต้องมีสภาพธรรมอื่นเกิดต่อตามลำดับด้วยดี เพราะฉะนั้นการศึกษาของเราเท่าที่เราสามารถจะเข้าใจได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าให้เราไปพยายามขวนขวายที่จะไปรู้เช่นที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ และทรงแสดง สามารถเข้าใจได้ว่าเหตุผลก็คือว่า จักขุวิญญาณดับแล้วโดยนัยของพระสูตรจะแสดงอย่างที่เราเข้าใจได้ หลังจากเห็นแล้วจิตที่เกิดต่อเป็นกุศลหรือเป็นอกุศล เราสามารถจะรู้ได้เพียงเท่านี้เอง เป็นธรรมที่เป็นอนัตตา ทุกคนอยากมีกุศลจิตหลังเห็น จะเป็นได้อย่างไรถ้าไม่มีการฟังพระธรรมจนกระทั่งสามารถที่จะเป็นเหตุปัจจัยให้กุศลจิตเกิดต่อจากโวฏฐัพพนจิตซึ่งเป็นกิริยา

    เพราะฉะนั้น ส่วนใหญ่ก็คือหลังจากที่โวฏฐัพพนะดับไปแล้ว กุศลจิตเกิดบ้างไหม คงจะยาก สำหรับผู้ที่ไม่มีปัจจัยพอที่กุศลจิตจะเกิด อกุศลจิตเกิดอย่างรวดเร็วเลย ยับยั้งไม่ได้เลยตามการสะสม ซึ่งก็จะเป็นอกุศลประเภทหนึ่งประเภทใด คือ เป็นโมหมูลจิตมีโมหเจตสิกเป็นเหตุเกิดร่วมด้วยเพียงเหตุเดียว หรือเป็นจิตที่มีโมหเจตสิกเกิดร่วมกับโลภเจตสิกรวมเป็น ๒ เหตุ ทำให้จิตนั้นติดข้องในสิ่งที่กำลังปรากฏ หรือถ้าอารมณ์นั้นไม่ใช่อารมณ์ที่น่าพอใจก็จะเป็นปัจจัยให้โมหเจตสิกกับโทสเจตสิกเกิดร่วมกับจิตซึ่งเป็นโทสมูลจิตโดยที่ยับยั้งไม่ได้เลย

    แต่ให้เราเข้าใจว่าสิ่งใดก็ตามที่เกิดต้องมีปัจจัย

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 75


    หมายเลข 7051
    22 ม.ค. 2567