การเจริญอินทรีย์อันไม่มีวิธีอื่นยิ่งกว่าในวินัยของพระอริยะ


    ครั้นแล้วพระผู้มีพระภาคได้รับสั่งกับท่านพระอานนท์ว่า

    ปาราสิริยพราหมณ์ย่อมแสดงการเจริญอินทรีย์แก่สาวกทั้งหลายอย่างหนึ่ง ส่วนการเจริญอินทรีย์อันไม่มีวิธีอื่นยิ่งกว่าในวินัยของพระอริยะ ย่อมเป็นอีกอย่างหนึ่ง

    ขอให้ท่านพิจารณาข้อความที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ส่วนการเจริญอินทรีย์อันไม่มีวิธีอื่นยิ่งกว่าในวินัยของพระอริยะ ย่อมเป็นอีกอย่างหนึ่ง

    แสดงว่า ถ้าเป็นวิธีอื่นแล้วไม่สามารถที่จะทำให้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้ พระองค์ได้ทรงแสดงการเจริญอินทรีย์อันไม่มีวิธีอื่นยิ่งกว่า ถ้าจะมีบุคคลหนึ่งบุคคลใดกล่าวค้านการเจริญสติปัฏฐาน ไม่ตรงตามที่ได้ทรงแสดงไว้ ผู้นั้นย่อมเข้าใจว่า มีการเจริญอบรมวิธีอื่นยิ่งกว่าวิธีที่พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงไว้แล้ว

    ท่านพระอานนท์ทูลว่า

    ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้สุคต เป็นกาลสมควรแล้วที่พระผู้มีพระภาคจะทรงแสดงการเจริญอินทรีย์อันไม่มีวิธีอื่นยิ่งกว่าในวินัยของพระอริยะ ภิกษุทั้งหลายฟังต่อพระผู้มีพระภาคแล้ว จักทรงจำไว้

    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

    ดูกร อานนท์ ถ้าเช่นนั้นเธอจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าวต่อไป

    ท่านพระอานนท์ทูลรับพระผู้มีพระภาคว่า

    ชอบแล้ว พระพุทธเจ้าข้า

    พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสดังนี้ว่า

    ดูกร อานนท์ ก็การเจริญอินทรีย์อันไม่มีวิธีอื่นยิ่งกว่าในวินัยของพระอริยะ เป็นอย่างไร

    ดูกร อานนท์ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เกิดความชอบใจ ความไม่ชอบใจ ทั้ง ความชอบใจและความไม่ชอบใจขึ้น เพราะเห็นรูปด้วยจักษุ เธอรู้ชัดอย่างนี้ว่า เราเกิดความชอบใจ ความไม่ชอบใจ ทั้งความชอบใจและไม่ชอบใจขึ้นแล้วเช่นนี้ ก็สิ่งนั้นแล เป็นสังขตะหยาบ อาศัยกันเกิดขึ้น ยังมีสิ่งซึ่งละเอียดประณีต นั่นคือ อุเบกขา เธอจึงดับความชอบใจ ความไม่ชอบใจ ทั้งความชอบใจและไม่ชอบไจ อันเกิดขึ้นแล้วนั้นเสีย อุเบกขาจึงดำรงมั่น

    ดูกร อานนท์ ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง ดับความชอบใจ ความไม่ชอบใจ ทั้งความชอบใจและไม่ชอบใจอันเกิดขึ้นแล้วอย่างนี้ ได้เร็วพลันทันทีโดยไม่ลำบาก เหมือนอย่างบุรุษมีตาดีกระพริบตา ฉะนั้น อุเบกขาย่อมดำรงมั่น

    ดูกร อานนท์ นี้เราเรียกว่า การเจริญอินทรีย์ในรูปที่รู้ได้ด้วยจักษุอย่างไม่มีวิธีอื่นยิ่งกว่าในวินัยของพระอริยะ


    หมายเลข 6478
    8 ต.ค. 2566