ความพิสดารของกรรมทำให้คนต่างกัน


    ผู้ฟัง ความพิสดารของกรรม เหตุใดทำให้คนมีตาเหมือนกัน มีหูเหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกันสักคนเดียวทั้งในอดีต ในอนาคต ปัจจุบัน จะไม่เหมือนกันจริงๆ นี่คือความพิสดาร

    ท่านอาจารย์ เพราะกรรมต่างกันจริงๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นกุศลกรรมด้วยกัน ความหนักเบา หรือความเป็นอธิบดี หรือแต่ละอย่างของขณะนั้นก็หลากหลายต่างกันมาก

    ผู้ฟัง กัมมชรูปที่มี ๙ กลุ่ม มีอะไรบ้าง

    อ.ธิดารัตน์ ก็ได้แก่มีหทยทสก กายทสก ภาวทสก

    ท่านอาจารย์ ขอโทษนะคะ ลืม หรือไม่

    ผู้ฟัง ไม่ลืม

    ท่านอาจารย์ เพราะว่าปฏิสนธิจิตในภูมิที่มีขันธ์ ๕ ต้องเกิดที่รูป เพราะฉะนั้นกรรมต้องทำให้รูปที่เป็นที่เกิดของจิตเกิด และรูปแต่ละรูปจะเกิดเพียงรูปเดียวไม่ได้เลย จะต้องเกิดร่วมกัน เช่น เมื่อมีปฐวีธาตุ ก็ต้องมีเตโชธาตุ วาโยธาตุ อาโปธาตุ รวม ๔ รูป และก็ยังมีรูปอื่นซึ่งต้องเกิดร่วมด้วยคือ สี กลิ่น รส โอชา รวมทั้ง ๘ รูป เป็นรูปที่ไม่แยกจากกัน แต่ตอนที่เกิดโดยกรรมจะต้องมีรูปอื่นเกิดร่วมด้วย

    อ.ธิดารัตน์ ได้แก่ ชีวิตรูป และถ้าเป็นกลุ่มของหทยวัตถุซึ่งจะเป็นที่เกิดของจิต จะต้องมีหทยวัตถุเกิดด้วย และมีกลุ่มที่มีภาวรูป

    ท่านอาจารย์ รวมเป็น ๑๐ รูปแล้ว ใช่ หรือไม่ ถ้าพูดเร็ว บางทีคนอื่นก็ตามไปเร็ว แล้วก็ลืมเร็ว แต่ก็ขอให้ซักถามเพิ่มเติมเช่นบอกอย่างนี้ คุณจำนงค์จะลืม หรือไม่ ตั้งแต่เกิดมาเลยได้กัมมชรูปเท่าไรแล้ว

    ผู้ฟัง ขณะแรกก็อวินิพโพครูป ๘ คือดิน น้ำ ไฟ ลม สี กลิ่น รส โอชะ แล้วก็มีชีวิตรูป ๑ หทยรูป๑ ภาวรูปคือเพศหญิงเพศชาย ๑ และกาย ๑

    ท่านอาจารย์ โอชะเป็นภาษาไทย โอชาเป็นภาษาบาลี แต่ว่าถ้าเราพูดถึงธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม สี กลิ่น รส โอชา ไม่ต้องเกิดจากกรรมก็ได้ เพราะเกิดจากจิตก็ได้ เกิดจากอุตุก็ได้ เพราะฉะนั้น ถ้าเราจะกล่าวเจาะจงถึงกัมมชรูปล้วนๆ เพื่อที่จะไม่ลืม เพราะประโยคที่ถามว่าจำไม่ได้ว่ามีเท่าไร แต่วิธีที่จะจำก็โดยความเข้าใจเช่น ตอนเกิดมีกัมมชรูปแน่นอนเพราะเหตุว่ากรรมทำให้วิบากจิตเกิดพร้อมกับกัมมชรูปอะไรบ้าง เราก็เริ่มตั้งแต่รูปที่สำคัญที่สุดคือ หทยรูป ต้องมีรูปซึ่งเป็นที่เกิดของจิต เพราะว่าจิตจะเกิดโดยไม่มีรูปไม่ได้ในภูมิที่มีขันธ์ ๕ ต้องอาศัยรูปหนึ่งรูปใดเกิด แม้แต่ในขณะนี้จะเป็นจิตเห็นก็ต้องเกิดที่รูปหนึ่งรูปใด จะเป็นจิตได้ยิน จะเป็นจิตคิดนึก ก็ต้องมีที่เกิดของจิตนั้นๆ

    เพราะฉะนั้นในขณะปฏิสนธิในขณะแรก ลืมไม่ได้เลยว่ากรรมทำให้หทยรูปซึ่งเป็นที่เกิดของจิตเกิดหนึ่งรูปแล้ว ลืม หรือไม่ มีรูปเดียว หรือไม่ มีแค่หทยรูป หรือไม่

    ผู้ฟัง มี ๑๘ รูปครับ

    ท่านอาจารย์ มิได้ เฉพาะกัมมชรูป จะได้รู้ว่ากัมมชรูปมีเท่าไร

    ผู้ฟัง มี ๙ รูปที่เกิดจากกรรมโดยตรง ก็มีปสาทรูป ๕ หทยรูป ๑

    ท่านอาจารย์ นี่คือหลังจากเกิดไปแล้ว แต่ก็จะลืมอีก ดังนั้นเพื่อที่จะไม่ให้ลืมก็นับตั้งแต่เกิดว่าขณะเกิดนั้นมีรูปเท่าไร กี่รูป

    ผู้ฟัง กล่าวถึงรูปเฉพาะกรรม ก็มี ภาวรูปหญิง หรือชาย๑ หทยรูป ๑ ชีวิตรูป ๑ รวม ๓ รูป

    อ.ธิดารัตน์ เพราะฉะนั้น ที่ใช้คำว่า ๙ คือ ๙ กลุ่ม แต่ถ้านับจริงๆ ก็ไม่ถึง

    ผู้ฟัง ขอให้คุณจำนงค์นับเอง โดยเป็นการเข้าใจด้วย เช่น หทยรูป คุณจำนงค์ไม่ลืมแล้ว ว่าในภูมิที่มีขันธ์ ๕ ตั้งแต่ขณะแรกเกิด จิตเกิดที่ไหนต้องมีที่เกิดซึ่งเป็นรูป เพราะฉะนั้น แม้แต่ปฏิสนธิจิตต้องมีที่เกิดของจิต ซึ่งกรรมนั่นเองเป็นปัจจัยทำให้หทยรูปซึ่งเป็นที่เกิดของจิตเกิดพร้อมปฏิสนธิจิต รูปนี้ไม่ลืม อีกกี่วันก็ไม่ลืม

    เกิดมาแล้วในภูมิที่มีขันธ์ห้า ในภูมิมนุษย์ เทวดา ไม่ใช่รูปพรหม ต้องมีภาวรูป คือเป็นหญิง หรือชาย เป็นรูปที่จะทำให้เกิดลิงค คือ รูปร่างลักษณะของเพศหญิง หรือเพศชาย ภาวรูปเกิดเพราะกรรมเป็นปัจจัย ซึ่งเลือกไม่ได้ว่าชาตินี้จะเป็นหญิง หรือจะเป็นชาย หรือใครเลือกมา เลือกไม่ได้เพราะกรรมทำให้เป็นหญิง หรือทำให้เป็น ชาย ภาวรูปนี่ก็จะเกิดเพราะกรรมทุกอณุขณะของจิตเหมือนกัน

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 48


    หมายเลข 6444
    18 ม.ค. 2567