การเจริญสติปัฏฐานเป็นเรื่องที่ต้องเจริญเหตุ ไม่ใช่เรื่องหวังผล


    เรื่องของการเจริญสติปัฏฐาน เป็นเรื่องที่ต้องเจริญเหตุ ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องหวังผล หรือว่าคอยผล บางท่านก็กล่าวว่า ขอให้พูดเรื่องญาณมากๆ ขอให้พูดเรื่องวิปัสสนาญาณให้ละเอียด แต่ไม่ทราบว่าท่านต้องการฟังเรื่องของวิปัสสนาญาณโดยที่ท่านจะไม่เจริญสติให้ถูกต้อง แล้วก็ต้องการฟังแต่เรื่องของญาณนั้นเพื่อประโยชน์อะไร ข้อสำคัญที่สุด ญาณจะเกิดได้ สมบูรณ์เป็นญาณจริงๆ ก็ต่อเมื่อการเจริญเหตุถูกต้องเสียก่อน ถ้าเหตุยังสับสน ยังคลาดเคลื่อน ยังไม่ถูกต้องแล้ว ญาณก็เกิดไม่ได้ ถ้าศึกษาพระธรรมก็คงจะทราบ ในสมัยพระผู้มีพระภาคนั้น ก็มีผู้ที่เป็นอุคฆฏิตัญญูเมื่อได้ฟังพระคาถาเพียงย่อๆ สั้นๆ ก็สามารถที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้ หรือว่าบางท่านก็เป็นวิปัญจิตัญญูฟังพระธรรมเทศนาจบแล้วก็สามารถที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้ อยากจะเป็นอย่างบุคคลเหล่านั้นไหม หวังไหม ต้องเจริญเหตุให้สมควรกับผล ถ้าไม่เป็นบุคคลเหล่านั้นแล้วก็จะเป็นเนยยบุคคลในภพนี้ชาตินี้แล้วล่ะก็ จะต้องเจริญสติมาก สอบทาน เทียบเคียง ทุกประการที่จะให้ถูกต้องตรงตามเหตุผล ที่จะไม่ให้คลาดเคลื่อน แล้วจึงจะเป็นผู้ที่รู้แจ้งอริยสัจจธรรมในชาตินี้ได้ ไม่ใช่ว่าเพียงนิดๆ หน่อยๆ แล้วก็ถ้าแม้ว่าจะเจริญแล้วแต่ยังไม่บรรลุอริยสัจจธรรม เป็นปทปรมะในชาตินี้ก็จริง แต่ว่ามีปัจจัยที่ได้สะสมมาแล้ว ภพไหนชาติไหนก็อาจจะเป็นอุคฆฏิตัญญูก็ได้ จะเป็นบุคคลไหน จะเป็นเนยบุคคลในชาตินี้หรือว่าจะเป็นอุคฆฏิตัญญู วิปัญจิตัญญู ในชาติโน้นๆ เลือกได้ไหม เลือกไม่ได้ แต่เจริญเหตุได้ แล้วแต่ว่าจะเป็นบุคคลใด ถ้าท่านเจริญสติปัฏฐานถูกต้อง สมควรแก่การที่จะเป็นเนยยบุคคลในชาตินี้ ท่านก็รู้แจ้งอริยสัจจธรรมในชาตินี้ แต่ว่าถ้าท่านเจริญสติปัฏฐานถูกต้องไม่คลาดเคลื่อน แต่ว่าเหตุยังไม่สมควรที่จะทำให้ท่านบรรลุมรรคผลเป็นพระอริยบุคคลในชาตินี้ แต่เหตุสะสมไว้แล้ว อาจจะเป็นอุคฆฏิตัญญู หรือว่า วิปัญจิตัญญู อยู่ในชาติไหนก็ได้ ถ้าเหตุถูกต้องแล้ว


    หมายเลข 5698
    13 ต.ค. 2566