รูปที่อาศัยนิพผันนรูป ๑๘ เกิด ไม่เป็นปุเรชาตปัจจัย


    ทรงเกียรติ   ผมยังมีความสงสัยว่า   อารัมมณปุเรชาตปัจจัย   ท่านหมายเฉพาะสัมมสนรูป ๑๘   ก็อสัมมสนรูปอีก ๑๐ นั้น   ก็เป็นอารมณ์ได้นี่ครับ   ทำไมเป็นปุเรชาตปัจจัยไม่ได้ ?

    ท่านอาจารย์ ไม่ใช่โดยเกิดก่อน   เพราะเหตุว่ารูปเหล่านั้นไม่ได้มีสภาวะลักษณะของตนแยกออกไปเกิดก่อนต่างหากจากนิปผันนรูป ๑๘  แต่เป็นรูปที่อาศัยเกิดกับมหาภูตรูป  หรือนิปผันนรูป ๑๘   โดยเป็นอาการหรือวิการของนิปผันนรูป   ไม่ใช่ว่ามีลักษณะสภาวะของตนต่างหากไป   แยกเกิดออกกมาได้   เป็นอารมณ์ได้ก็จริง   แต่เป็นอารมณ์ไม่ใช่โดยที่สภาวะลักษณะแยกออกไปเกิดก่อนต่างหาก   แต่เมื่อเป็นรูปที่อาศัยเกิด   เป็นลักษณะวิการของนิปผันนรูปนั่นเอง   ไม่ใช่แยกออกจากนิปผันนรูป   

    เพราะฉะนั้นในกาลที่กล่าวถึง   หมายความถึงการเกิดจริง ๆ   ไม่ใช่หมายถึงเฉพาะลักษณะ   หรืออาการที่วิการของรูป   รูปอ่อนรูปแข็งที่ตัวซึ่งไม่เป็นอารมณ์   รูปนั้นดับไปแล้ว   เพราะฉะนั้นไม่ใช่อารัมมณปุเรชาตปัจจัย   หรือว่าหทยวัตถุซึ่งปกติเป็นที่เกิดของจิต   แต่หทยวัตถุรูปใดไม่เป็นที่ตั้ง   ที่เกิด   ที่อาศัยของจิต   หทยวัตถุนั้นก็ไม่ใช่วัตถุปุเรชาตปัจจัย   เป็นแต่เพียงหทยรูปเท่านั้นเอง

    ในขณะที่จักขุวิญญาณกำลังเห็น   จักขุวิญญาณเกิดที่จักขุปสาทรูป   ซึ่งเป็นจักขวายตนะ คือ  เป็นรูปซึ่งเกิดขึ้นแล้วยังไม่ดับไปและกระทบกับรูปารมณ์   เป็นปัจจัยให้จักขุวิญญาณเกิดขึ้นเห็น   ในขณะนั้นหทยวัตถุก็มี   แต่เมื่อหทยวัตถุไม่เป็นที่เกิดของจักขุวิญญาณ   เพราะฉะนั้นหทยวัตถุในขณะนั้น   ก็ไม่ใช่วัตถุปุเรชาตปัจจัยของจิต

    เพราะฉะนั้นรูปเกิดดับมากมาย   บางรูปเท่านั้นที่เป็นปัจจัยให้เกิดจิต   เพราะฉะนั้น   เฉพาะรูปใดซึ่งเป็นปัจจัยให้เกิดจิต   รูปนั้นเป็นอายตนะหนึ่งอายตนะใด   แล้วขณะนั้นเป็นปุเรชาตปัจจัย   แต่ว่ารูปใดซึ่งไม่เป็นปัจจัยให้เกิดจิตเลย   รูปนั้นจะเกิดขึ้นเพราะกรรม   จะเกิดขึ้นเพราะอุตุ   จะเกิดขึ้นเพราะอาหาร   ประการใด ๆ ก็ตาม   รูปนั้นเกิดตามสมุฏฐานนั้น   แล้วก็ดับไปเท่านั้นเอง   

    เพราะฉะนั้นจึงกล่าวว่า   ชีวิตนี้น้อย   เพราะเหตุว่าเพียงชั่วขณะจิตที่เกิดแล้วก็ดับเท่านั้นเอง   แต่ละขณะ


    หมายเลข 5392
    27 ส.ค. 2558