ตาเห็นคนจริงหรือ


    ผู้ฟัง สมมติว่าตาเห็นคน จะใช้คำว่าคนเป็นอารมณ์ของตา หรือว่าใช้คำอย่างไรถึงจะถูก

    ท่านอาจารย์ คือธรรมเป็นสิ่งที่มีจริงทุกอย่าง และเราก็ไม่เคยรู้มาก่อน แต่ถ้ารู้ก็ต้องไม่ผิดจากปกติตามความเป็นจริง เห็นมีจริง เห็นคนก็มีจริง ถ้าไม่มีจิต คนจะมีไหม จะรู้ว่าเป็นคนก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นจะเห็นความรวดเร็วว่าจิตมีมากมายหลากหลายมากทีเดียว คนหนึ่งๆ มีจิตหลายประเภท แล้วมนุษย์ในโลกนี้มีเท่าไหร่ ก่อนนั้นมีเท่าไหร่ ข้างหน้ามีเท่าไหร่ ก็แสดงให้เห็นความวิจิตร ความหลากหลายของจิตว่ามีหลายประเภท แต่เมื่อประมวล สรุปลงมาก็เป็นประเภทใหญ่ๆ ๘๙ ประเภท หรือ ๑๒๑ ประเภทโดยพิเศษ

    พอฟังจำนวนนี้มาจากไหนกัน ก็มาจากชีวิตประจำวันนี่แหละ เช่น ขณะเห็น ต้องมีเห็นก่อนใช่ไหม ถ้าเห็นแล้วถ้าไม่มีสภาพที่จำ คนก็ไม่มี ความคิดเรื่องคนก็ไม่มี เพราะถึงยังไงๆ สิ่งที่ปรากฏทางตา ก็เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏทางตา เราจะคิดว่าเป็นคน เราจะคิดว่าเป็นโต๊ะ เก้าอี้ แต่ยังมีสิ่งที่กำลังปรากฏทางตา แม้ระหว่างที่คิดว่าเห็นคน ก็ยังมีสิ่งที่กำลังปรากฏทางตาอยู่ตลอด ใช่ไหม แต่ระหว่างที่เห็นแล้วจะมีความคิดว่าคน หรือจะมีความคิดเรื่องราวต่างๆ เห็นก็คือเห็นอยู่ นี่

    ก็แสดงให้เห็นว่าขณะที่เห็นเป็นขณะหนึ่ง ไม่เปลี่ยน แต่ไม่ใช่ขณะที่คิด เพราะฉะนั้นขณะที่คิดว่าเป็นคน เป็นสัตว์ หรือจะคิดเรื่องราวต่างๆ เมื่อวานนี้จะทำอะไร จะพบกับใครที่ไหน จิตเห็นก็ยังเห็น และจิตคิดก็เป็นจิตอีกประเภทหนึ่ง หลังจากเห็นแล้ว หลังจากเห็นแล้วจะคิดว่าเป็นคน จะเป็นสัตว์ เป็นต้นไม้ เป็นอะไร ก็มาจากสิ่งที่ปรากฏทางตา แต่ความทรงจำ รูปร่าง สัณฐาน ที่เคยจำไว้ก็จะทำให้มีความคิดว่ากำลังเห็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด

    เพราะฉะนั้นให้เห็นความละเอียด ความรวดเร็วว่า การที่มีปัจจัยปรุงแต่งให้จิตเห็นเกิดขึ้น ความเป็นจริงก็คือ ทันทีที่ทำกิจเห็น เห็นแล้วสั้นๆ นิดเดียว เหมือนลืมตาแล้วหลับตา เห็นนั้นดับแล้ว เพราะฉะนั้นความรวดเร็วของการเกิดดับสืบต่อของจิต ก็เหมือนกับมายากล ทำให้ไม่เห็นตามความเป็นจริงเลยว่าเป็นธรรม ที่เกิดขึ้นทำกิจเฉพาะอย่างแล้วก็ดับไป แต่เหมือนกับว่าขณะนี้มีเห็นซึ่งไม่ดับเลย เห็นเป็นจิตชนิดหนึ่ง คิดนึกเป็นจิตประเภทหนึ่ง ได้ยินเป็นจิตชนิดหนึ่ง ทั้งหมดเหมือนไม่มีอะไรดับเลย สืบต่อ เที่ยง มั่นคง

    เพราะฉะนั้นการศึกษาปรมัตถธรรมก็คือให้เข้าใจจริงๆ ว่าเป็นธรรม แล้วก็เกิดดับอย่างเร็วมาก ทั้งนามธรรม และรูปธรรม แต่ว่ารูปธรรมเกิดดับช้ากว่าจิต คือจิตเกิดดับ ๑๗ ขณะ รูปๆ หนึ่ง หรือกลาปหนึ่ง คือกลุ่มของรูปที่เกิดร่วมกันกลุ่มหนึ่งจึงจะดับไป

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 9


    หมายเลข 5134
    7 ม.ค. 2567