เจริญสติได้โดยไม่ต้องแยกจากสมาธิ


    ท่านอาจารย์ ระหว่างนั้นเจริญสติปัฏฐานหรือเปล่า ตลอดเวลาที่ไม่ได้มาที่นี่ เจริญสติปัฏฐานหรือว่าสมาธิ

    ผู้ฟัง เจริญทั้ง ๒ อย่าง

    ท่านอาจารย์ ขณะไหนเป็นสมาธิ ขณะไหนเป็นสติปัฏฐาน ถ้าสมมติว่ารู้วิธีเจริญสติปัฏฐานแล้ว ทำไมขณะที่พักผ่อนไม่เจริญสติปัฏฐานด้วย สบายก็เป็นนามธรรมชนิดหนึ่งทำไมสติไม่ระลึกรู้ การเจริญสติปัฏฐานบางท่านไม่เข้าใจจริงๆ ทำให้ผลไม่เกิดขึ้นเท่าที่ควรจะเกิดขึ้น บางท่านเคยเจริญสมาธิมาก่อน แล้วก็ทราบว่าสมาธิเป็นการพักผ่อนวิธีหนึ่ง บางทีไม่สบาย ปวดศรีษะ ร่างกายเป็นไข้ ผิดปกติไป เคยใช้สมาธิแล้วทำให้อาการไข้นั้นหาย การปวดศรีษะพวกนั้นคลายไปได้ เป็นเรื่องของการสะสมที่เคยทำมา ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ห้ามหรือยับยั้ง แต่สติต้องตามรู้ แม้ขณะนั้นก็ให้รู้ว่าเป็นนามธรรมที่พอใจในการที่จะทำเช่นนั้นให้จิตสงบ หรือว่าความสบายใจนั้นก็เป็นแต่เพียงนามธรรมชนิดหนึ่ง หรือว่าเวทนาที่กำลังมีปรากฏในขณะนั้นสติก็จะต้องตามรู้ ไม่ใช่ให้ใครไปทำอะไรที่ผิดปกติเลย แต่ว่าสติจะต้องเจริญขึ้นและก็ตามระลึกรู้ลักษณะของนาม ของรูป ของแต่ละบุคคลที่ไม่เหมือนกัน ถ้าคนหนึ่งไม่เคยเจริญสมาธิมาก่อน จิตไม่โน้มไปสู่ความสงบ ผู้นั้นก็เจริญสติระลึกรู้ลักษณะของนาม ของรูป ไม่ว่าจะ กำลังคิด กำลังพอใจ กำลังไม่พอใจ กำลังสุข กำลังทุกข์ใดๆ ก็ตาม สติของผู้นั้นก็จะต้องระลึกรู้สภาพที่เกิดปรากฏเพราะเหตุปัจจัย แต่ว่าผู้ใดเคยเจริญสมาธิมาก่อนจิตน้อมไปสู่สมาธิ ผู้มีปกติเจริญสติก็จะต้องระลึกรู้ลักษณะของนามที่สงบ หรือความต้องการในสมาธิในขณะนั้นที่เกิดก็ต้องรู้ว่าเป็นนามชนิดหนึ่ง ขาดไม่ได้ ไม่ใช่แบ่งเป็นตอนๆ ว่าตอนนี้เจริญสมาธิ อย่าให้สติมาก้าวก่ายมารบกวนเป็นอันขาด แยกไปเสีย อย่างนั้นก็ไม่มีทางที่จะละกิเลส เพราะเหตุว่าปัญญาไม่ได้รู้ในขณะที่จิตสงบ ขณะนั้นก็เป็นเพียงนามธรรมชนิดหนึ่ง แต่ว่าเรื่องของการเจริญสติปัฏฐานแล้วเป็นเรื่องที่ผู้ที่เข้าใจถูกจะไม่ทิ้งโอกาสที่จะเจริญสติปัฏฐาน แม้ว่าจิตจะโน้มไปสู่ความสงบเป็นสมาธิ ผู้เจริญสติปัฏฐานก็จะเจริญสติระลึกรู้ในขณะนั้นจนชินเพื่อจะได้ละคลายการยึดถือว่าเป็นตัวตน ไม่ใช่ไปบังคับอะไรเลย ปกติธรรมดาของแต่ละบุคคล และสติก็เพิ่มขึ้นมากขึ้น ระลึกรู้บ่อยขึ้น ทั่วขึ้น เพราะฉะนั้น จึงไม่มีกฏเกณฑ์ ไม่มีระเบียบว่าจะต้องตั้งต้นอย่างนั้น ทำอย่างนั้น เพราะเหตุว่าถ้าเป็นอย่างนั้นจะเป็นในลักษณะของอัตตาไม่ใช่อนัตตา

    อย่าแยกว่าขณะนั้นสมาธิก็ให้สมาธิไปเลย ไม่มีสติระลึกรู้ลักษณะของนามของรูปเลย ไม่ได้ ไม่ใช่ผู้มีปกติเจริญสติ ถ้าเป็นผู้มีปกติเจริญสติแล้ว สติเกิดได้แม้ในขณะนั้น ไม่ว่าจิตใจจะมีสภาพอย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะละการยึดถือว่าเป็นตัวตนได้ต้องรู้ชัดแล้วก็รู้ทั่วจริงๆ ถ้าไม่ทั่วก็ยังไม่ละ ไม่ประจักษ์การเกิดดับของนามรูป


    หมายเลข 4761
    24 ก.ย. 2566