ศรัทธาคืออะไรและเกิดขึ้นได้อย่างไร


    สมพร   ศรัทธาก็มาจาก สัง กับ ธา ธาตุ แปลว่า ตั้งไว้ด้วยดี หรือตั้งไว้โดยชอบ หมายความว่าเชื่อด้วยความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย เป็นข้อที่ ๑

    ส.   ทุกท่านในขณะนี้ที่ฟังพระธรรมต้องมีศรัทธาเจตสิกแน่นอน เป็นสภาพที่ผ่องใส ขณะนั้นไม่ประกอบด้วยอกุศลเจตสิก แต่ว่าวันหนึ่งๆ ถ้าพิจารณาดูแล้ว ควรที่ศรัทธาจะเกิดมากได้ แต่ว่าถ้ามีปัจจัยให้อกุศลเกิด ขณะนั้นศรัทธาก็เกิดไม่ได้  เช่นขณะที่อยู่ในสถานการณ์ใดๆก็ตาม กำลังโกรธ ขณะนั้นเป็นอกุศลจิต เป็นอกุศลธรรมทั้งหมด เป็นอกุศลเจตสิก มีศรัทธาที่จะเห็นโทษของโกรธ แล้วกุศลจิตเกิดไหม

    เพราะฉะนั้น ไม่ว่าอกุศลในวันหนึ่งๆ จะมีมากมายสักเท่าไรก็ตาม แต่ถ้าเป็นผู้ที่มากด้วยศรัทธา สะสมศรัทธา เห็นประโยชน์ของกุศล ขณะนั้นก็มีปัจจัยที่ศรัทธาจะเกิดขึ้นแทนอกุศล แล้ววันหนึ่งๆ เราไม่เคยรู้สึกตัวเลยว่า มีอกุศลมากเท่าไร ก็แสดงให้เห็นว่า ต้องเจริญศรัทธาขึ้นอีกมากเท่าไร จึงสามารถดำเนินไปสู่หนทางดับกิเลสทั้งหลายได้ แต่ถ้าเรายังคงปล่อย วันหนึ่งก็มีอกุศลมาก ศรัทธา ความผ่องใสของจิต ที่เห็นประโยชน์ของกุศลไม่เกิดเลย ขณะนั้นก็หมักหมมเพิ่มอกุศลขึ้น และศรัทธาก็มองไม่เห็นเลย แต่ในขณะที่กำลังฟังธรรม มีศรัทธา แต่ว่าการฟังพระธรรม ไม่ใช่เพียงฟังเพื่อเข้าใจ แต่เพื่อประพฤติปฏิบัติตามด้วย

    เพราะฉะนั้น การเจริญของศรัทธาก็มีหลายขั้น เช่น ขั้นฟัง ฟังได้ บางคนก็ขอบฟังพระธรรม แต่คิดไหมว่า ไม่ใช่ฟังเท่านั้น ต้องประพฤติตาม และเมื่อจะประพฤติตามจริงๆ ก็คือเมื่อเข้าใจประโยชน์ของธรรมฝ่ายกุศลเพิ่มขึ้น ศรัทธาก็จะเพิ่มขึ้นด้วย

    เพราะฉะนั้น ใครก็ตามที่รู้สึกว่า ก่อนจะได้ฟังพระธรรมมีอกุศลเกิดมาก แต่เมื่อฟังพระธรรม เห็นประโยชน์ของทั้งทาน ทั้งศีล ทั้งคุณธรรมอื่นๆ ศรัทธาก็เริ่มเจริญขึ้นในชีวิตประจำวัน กว่าจะถึงโพชฌงค์ ซึ่งต้องเริ่มจากการอบรมเจริญคุณธรรมในชีวิตประจำวันก่อน

    เพราะฉะนั้น ก็ทำให้เห็นได้ว่า แต่ละคนย่อมรู้จักตัวเองตามความเป็นจริง ย่อมจะเห็นตัวเองว่า ขณะใดที่มีปัจจัยให้กุศลจิตเกิด มีปัจจัยที่ศรัทธาจะเกิดแล้วเป็นกุศลไหม ก่อนจะถึงสติปัฏฐาน ก่อนจะถึงโพธิปักขิยธรรม


    หมายเลข 4671
    30 ส.ค. 2558