อดทนที่จะเห็นถูกว่าไม่ใช่เรา


    ต้องอดทนจริงๆ อดทนที่จะเห็นถูก อดทนที่จะเข้าใจถูก อดทนที่จะรู้ว่าขณะไหนไม่ใช่สติปัฏฐาน ขณะไหนสติปัฏฐานเกิด แล้วก็หมดไปแล้ว แล้วก็ยังมีความสงสัย แล้วก็ยังมีความไม่รู้ ซึ่งทั้งหมดก็คือสภาพธรรม ไม่ใช่เรา ถ้าค่อยๆเข้าใจขึ้น จนกระทั่งไม่ใช่เราเมื่อไร สภาพธรรมก็จะปรากฏตามความเป็นจริงเป็นลำดับจนกระทั่งสามารถที่จะประจักษ์การเกิดดับได้ จากการที่สติสัมปชัญญะไม่เกิดเลย แล้วค่อยๆ แทรกทีละเล็กทีละน้อย นานเท่าไรก็ไม่เป็นไร แต่ไม่ใช่ตัวเราที่พยายามจะไปทำด้วยความต้องการผล  แต่รู้ว่าขณะไหนสติเกิด นี่คือความรู้แล้ว ขณะไหนหลงลืมสติ ขณะไหนสงสัย ลักษณะนั้นๆ ว่าเป็นสภาพธรรมทั้งนั้น

    ถ้ามีความเป็นเรา เพื่อเรา ไม่ใช่หนทาง  แต่ว่าถ้าเราอาจหาญร่าเริง รู้ว่าเป็นธรรม พอสติเกิด เรารู้เลยไม่ใช่เราต้องการ  แต่ว่ามีปัจจัยสติก็ระลึก อดทนที่จะเป็นอย่างนี้ไม่ได้หรือคะ จะต้องมีเราเข้ามาทำทุกอย่าง ถ้าอดทนที่จะเป็นอย่างนี้ได้ ผลก็มี อดทนที่จะไม่สนใจว่า สติสัมปชัญญะเกิดเมื่อไร ไม่ใช่แอบคอย แอบทำ เดินก็แอบคิด  จะเป็นอย่างนั้นจะเป็นอย่างนี้ นั่นคือเราทั้งนั้นเลยคะ กล้าหาญจริงๆ ที่จะรู้ว่าไม่มีเรา เป็นอนัตตา เพราะเหตุว่าธรรมจริงๆ เป็นอย่างนี้ เป็นอย่างที่กำลังเห็น เป็นอย่างที่มีในขณะนี้จริงๆ เพราะฉะนั้นความรู้จริงๆ ต้องค่อยๆเกิดขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ไม่ใช่ว่าเพียงเราคิดนิดเดียว  เราก็จะประจักษ์แจ้งการเกิดดับสภาพธรรมได้


    หมายเลข 3322
    26 ส.ค. 2558