อุปธิ ๔


    อดิศักดิ์   อุปธิสมบัติ เป็นเรื่องของฝ่ายดีนี่ ผมเคยอ่านเจอว่า อุปธิมันคือกิเลสนี่ครับ

    ท่านอาจารย์ ความหมายของอุปธิ คือ สภาพธรรมซึ่งทรงไว้ซึ่งทุกข์ ในอรรถกถา สังยุตตนิกาย สคาถวรรค นันทิสูตร กล่าวถึงอุปธิ  ๔ มีข้อความว่า

    บทว่า อุปธิ ในบทว่า อุปธี หิ นรัสส นันทนา ได้แก่ อุปธิ ๔ อย่าง คือ กามูปธิ อุปธิ คือ กาม ๑ ขันธูปธิ อุปธิ คือ ขันธ์ ๑ กิเลสูปธิ อุปธิ คือ กิเลส ๑ อภิสังขารูปธิ อุปธิ คือ อภิสังขาร ๑

    สำหรับกามูปธิ อุปธิ คือ กาม ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ซึ่งชาวโลกถือว่ากามเป็นที่อาศัยของความสุข หรือว่ากามเป็นที่อาศัยแห่งสุข

    นี่เป็นชีวิตประจำวันที่ทุกท่านแสวงหา เพราะคิดว่าความสุขของท่านอาศัยกาม ถ้าปราศจากกามแล้ว คือ ปราศจากรูป ปราศเสียง ปราศกลิ่น ปราศรส ปราศโผฏฐัพพะที่ดีๆ ชีวิตย่อมไม่มีสุข

    นี่คือความรู้สึกของชาวโลก คือ เห็นว่ากามเป็นที่อาศัยแห่งสุข แต่ตามความจริงแล้ว กามเป็นที่อาศัยแห่งทุกข์ เพราะเหตุว่ากามไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ไม่ยั่งยืน

    เพราะฉะนั้นบางครั้งทรงแสดงว่า กามมุสา คือ แสดงสภาพเหมือนเป็นสุข โดยที่แท้แล้วเป็นสภาพที่เป็นทุกข์ ถึงจะกล่าวว่าอย่างนี้ ทุกท่านก็ยังคงต้องการหรือแสวงหากามูปธิ อุปธิ คือ กาม อยู่นั่นเอง เพราะเหตุว่ายังไม่ประจักษ์แจ้งลักษณะที่เป็นทุกข์ของกาม คือ สภาพที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป

    เพราะฉะนั้นก็ให้ทราบด้วยว่า อุปธิ คือ สภาพซึ่งทรงไว้ซึ่งทุกข์ สามารถจะจำแนกออกได้หลายนัย เช่น โดยนัย ๔ สภาพธรรมใดๆก็ตามซึ่งเป็นทุกข์ ทรงไว้ซึ่งสภาพแห่งทุกข์ ย่อมนำมาซึ่งทุกข์ สภาพนั้นเป็นอุปธิ เช่น กาม เป็นกามูปธิ

    สำหรับขันธ์ก็เช่นเดียวกัน ขันธ์ก็เป็นที่อาศัยแห่งทุกข์ เป็นสภาพที่ทรงไว้ซึ่งทุกข์ เป็นสภาพซึ่งนำมาซึ่งทุกข์ เป็น ขันธูปธิ ซึ่งทุกท่านก็ยังคงต้องการขันธ์อีก คือ ต้องการที่จะเห็น ต้องการที่จะได้ยิน ต้องการรูป ต้องการเวทนา ต้องการสัญญา ต้องการสังขาร ต้องการวิญญาณ เพราะเหตุว่ายังไม่ประจักษ์ลักษณะที่เป็นทุกข์ของขันธ์ เพราะเหตุว่าขันธ์ทั้งหมดเป็นที่อาศัยแห่งทุกข์

    นอกจากนั้นแล้ว กิเลสก็เป็นอุปธิ คือ เป็นกิเลสูปธิ เพราะเหตุว่ากิเลสเป็นที่อาศัยแห่งทุกข์ในอบาย ถ้าใครยังมีโลภะ ยังมีโทสะ ยังมีโมหะ อันเป็นเหตุให้กระทำอกุศลกรรม ย่อมไม่พ้นจากอบาย เพราะเหตุว่าไม่มีใครสามารถที่จะนำไปสู่อบาย นอกจากกิเลส ทุกคนมีโลภะ มีโทสะ มีโมหะ เพราะฉะนั้นทุกคนก็ยังมีกิเลสซึ่งเป็นที่อาศัยแห่งทุกข์ในอบาย ถ้าได้กระทำอกุศลกรรมเพราะโลภะ หรือเพราะโทสะ หรือเพราะโมหะก็ตาม เมื่อเป็นกรรมย่อมสามารถที่จะทำให้ปฏิสนธิในอบายภูมิได้ เพราะฉะนั้นกิเลสก็เป็นกิเลสูปธิ

    นอกจากนั้นแล้วก็ยังมี อภิสังขารูปธิ อุปธิ คือ อภิสังขาร ได้แก่ เจตนาซึ่งเป็นกรรม เป็นที่อาศัยของทุกข์ในภพ เพราะเหตุว่าเจตนาซึ่งเป็นกุศลกรรมก็มี เจตนาซึ่งเป็นอกุศลกรรมก็มี เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นเจตนาซึ่งเป็นกุศลหรือเจตนาที่เป็นอกุศลก็เป็นอภิสังขาร คือ เป็นอุปธิที่เป็นที่อาศัยแห่งทุกข์ในภพ

    ตราบใดที่ยังมีกุศลย่อมให้ผลเป็นกุศลวิบาก ทำให้เกิดในสุคติ ก็ยังไม่พ้นไปจากสังสารวัฏ ยังไม่พ้นไปจากทุกข์ได้ การเกิดเป็นมนุษย์ เป็นสุคติภูมิ มีความสุขมากไหมคะ เกิดเป็นมนุษย์ หรือว่าบางท่านจะพอเห็นทุกข์บ้างแล้ว ของการเกิดเป็นมนุษย์ แต่ถึงว่าจะเห็นทุกข์บ้าง ก็ยังไม่ใช่ทุกข์แท้จริง เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าจะเกิดเป็นมนุษย์ซึ่งเป็นสุคติภูมิ ก็ยังไม่พ้นจากทุกข์ในภพ ยังจะต้องมีการเกิดอีก ยังจะต้องมีการตายอีก อยู่เรื่อยๆ แม้ในสุคติภูมิก็ตาม หรือถึงแม้ว่าจะเกิดในสวรรค์ ก็จะต้องถึงกาลที่สิ้นสุดของการเป็นเทพในสวรรค์ เพราะเหตุว่ายังไม่พ้นจากอภิสังขารูปธิ เจตนานั้นก็ยังเป็นกุศลบ้าง เป็นอกุศลบ้าง ตราบใดที่ยังมีกิเลสอยู่

    นี่คืออุปธิ ๔


    หมายเลข 2885
    17 ส.ค. 2558