ทุฏฐัฏฐกสูตรที่ ๓
นี่คือโยนิโสมนสิการ ซึ่งทุกท่านที่กำลังฟังพระธรรมจะต้องเจริญต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงชาติสุดท้าย และสำหรับในชาติสุดท้ายที่พระผู้มีพระภาคทรงรู้แจ้งอริยสัจจธรรมเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ก็จะเห็นได้ถึงการปฏิบัติของพระองค์
ปรมัตถโชติกา อรรถกถา ขุททกนิกาย สุตตนิบาต อัฏฐกวรรคที่ ๔ ทุฏฐัฏฐกสูตรที่ ๓ มีข้อความว่า
เมื่อพระผู้มีพระภาคและพระภิกษุสงฆ์ถูกคนที่เชื่อเรื่องที่พวกปริพาชกกล่าวร้ายพระองค์ บริภาษติเตียนพระองค์ด้วยเรื่องของนางสุนทรีปริพาชิกา พระผู้มีพระภาคตรัสว่า มุนีไม่เข้าถึง คือ พุทธมุนีไม่เข้าถึงการติเตียน เพราะไม่ได้ทำและเพราะ ไม่โกรธ
และเมื่อทรงทราบว่า ภิกษุทั้งหลายถูกด่าว่าเย้ยหยันก็ไม่ได้โต้ตอบอะไร พระผู้มีพระภาคก็ได้ตรัสกับท่านพระอานนท์ว่า
ดูกร อานนท์ เราเป็นผู้มีศีลมิใช่หรือ เพราะฉะนั้น ควรนิ่งในเรื่องทั้งหมด แม้รู้อยู่ก็ไม่พูด เพราะคนพาลกับบัณฑิตเข้ากันไม่ได้ และตรัสกับท่านพระอานนท์เพื่อประโยชน์ในการแสดงธรรมว่า
ดูกร อานนท์ ภิกษุทั้งหลายควรโต้ตอบชนเหล่านั้นอย่างนี้ว่า คนพูดไม่จริง ย่อมตกนรก
แสดงให้เห็นการเจริญของโยนิโสมนสิการจากในพระชาติที่เป็นพระโพธิสัตว์ เป็นคันธารดาบส จนถึงเมื่อรู้แจ้งอริยสัจจธรรมเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า การปฏิบัติของพระองค์ คือ พุทธมุนีไม่เข้าถึงการติเตียน เพราะไม่ได้ทำและเพราะไม่โกรธ
ท่านผู้ฟังก็คงจะประสบกับโลกธรรมฝ่ายเสื่อม คือ เสื่อมลาภบ้าง เสื่อมยศบ้าง ถูกนินทาบ้าง แต่ถ้าขณะนั้นโยนิโสมนสิการเกิดเพราะว่าได้ฟังพระธรรมโดยละเอียด ได้พิจารณาเห็นประโยชน์ และรู้ว่าการที่โยนิโสมนสิการจะเจริญต้องอบรมจากชีวิตประจำวัน เพราะฉะนั้น ถ้าท่านไม่ได้ทำ ท่านไม่ผิด ก็ไม่โกรธ เพราะว่าท่านไม่ได้ทำ จะโกรธทำไม
นอกจากนั้น ไม่เข้าถึงการติเตียน คือ ใครก็ย่อมติเตียนไม่ได้ ในเมื่อท่านเองไม่ได้ทำ และไม่โกรธด้วย ถ้าท่านไม่ได้ทำ และโกรธ คนอื่นก็ไม่ติเตียนในข้อที่ท่านไม่ทำ แต่ก็ติเตียนในข้อที่ท่านโกรธได้ แต่ถ้าถึงท่านไม่ได้ทำและได้รับโลกธรรมฝ่ายเสื่อม และไม่โกรธด้วย ก็ไม่มีใครที่จะติเตียนทั้งการไม่ทำและการไม่โกรธ
เพราะฉะนั้น ถ้าพิจารณาจริงๆ โดยการสะสม เวลาที่มีเหตุการณ์ที่ไม่น่าพอใจเกิดขึ้นเฉพาะหน้า เป็นเรื่องราวที่อาจจะเคยโกรธถ้าโยนิโสมนสิการไม่เจริญ แต่ถ้าโยนิโสมนสิการเจริญขึ้นและระลึกได้ว่า ควรนิ่งในเรื่องทั้งหมด แม้รู้อยู่ก็ไม่พูด ก็เป็นการตัดปัญหาอีกมากมายที่จะเกิดขึ้น แต่กระนั้นก็ตามเพื่ออนุเคราะห์เป็นประโยชน์ในการแสดงธรรม พระผู้มีพระภาคก็ยังตรัสกับท่านพระอานนท์ว่า
ดูกร อานนท์ ภิกษุทั้งหลายควรโต้ตอบชนเหล่านั้นอย่างนี้ว่า คนพูดไม่จริง ย่อมตกนรก
เป็นการเตือนให้ระลึกได้ว่า ใครก็ตามที่พูดไม่จริง ควรที่จะสังวรและเห็นโทษ และมีโยนิโสมนสิการที่จะไม่กระทำอย่างนั้นอีก
เพราะฉะนั้น กว่าจะถึงการอบรมเจริญปัญญาที่รู้แจ้งอริยสัจจธรรมในชีวิตประจำวันจริงๆ แม้ในขณะนั้นๆ สติปัฏฐานก็จะต้องเกิดเพื่อระลึกศึกษาลักษณะของสภาพธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนใดๆ เพราะว่า ในชีวิตประจำวันไม่มีใครเลือกได้ว่าจะได้โลกธรรมฝ่ายดี หรือโลกธรรมฝ่ายเสื่อม แต่เป็นสภาพธรรมที่เกิดแล้วเพราะเหตุปัจจัย ถ้ามีโยนิโสมนสิการที่สะสมมาก็จะทำให้เจริญขึ้นได้
ที่มา ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 1827
