รูปทางใจ
ผู้ฟัง เรื่องรูป เรื่องนาม ที่อาจารย์ตอบคำถามของพระคุณเจ้า เป็นเรื่องยาก และลึกซึ้ง เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจสำหรับผู้ที่กำลังศึกษาการเจริญสติปัฏฐาน ผมเองฟังอยู่เป็นปีๆ รูปนามทางใจก็ยังสงสัย กว่าจะทำความเข้าใจกับรูปนามทางใจได้ ต้อง ใช้เวลาไม่น้อยกว่า ๕ – ๖ ปี เพราะฉะนั้น คำถามที่พระคุณเจ้าถามมา ผมว่า เป็นคำถามที่ดี และวันนี้อาจารย์ก็พูดชัดเจนขึ้นมาอีก ทำให้เพิ่มความเข้าใจขึ้น
รูปนามทางตา ฟังก็รู้ว่า สิ่งที่ปรากฏทางตาคือรูป ที่เห็นคือนาม หู จมูก ลิ้น กาย ก็เข้าใจ แต่รูปนามทางใจ กว่าจะเข้าใจได้ตั้ง ๕ – ๖ ปี เพราะฉะนั้น ผมอยากจะฝากผู้ที่ศึกษาการเจริญสติปัฏฐานว่า ถ้ายังไม่เข้าใจควรจะถาม เพราะ รูปนามทางใจเป็นเรื่องยากมาก ผมเคยถามอาจารย์ในคำถามเดียวกันนี้ ๓ – ๔ ครั้ง ก็ยังไม่เข้าใจ แต่ได้จากการฟังเทปเป็นปีๆ เสริมไปทีละเล็กทีละน้อย ซึ่งเวลานี้คิดว่าพอจะเข้าใจ แต่ก็ไม่แน่ใจว่า จะมีลึกกว่านั้นอีกหรือเปล่า ขอบพระคุณ
สุ. ไม่ทราบว่าพระคุณเจ้าที่ถามคำถามนี้ จะหมดข้อสงสัยในเรื่องของรูปทางใจที่จะพิจารณาหรือยัง เพราะว่าโดยมากอาจจะได้ยินได้ฟังเรื่องการปฏิบัติจาก หลายๆ ที่ หลายๆ แห่ง เพราะฉะนั้น อาจจะยังคงคิดว่า จะต้องเป็นรูปอื่นทางใจ แต่ธรรมเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ตลอดเวลา ในขณะนี้ก็พิสูจน์ได้ มีรูปอะไร นอกจาก สิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นรูปารมณ์ และเสียงที่ปรากฏทางหูเป็นสัททารมณ์ กลิ่นที่ปรากฏทางจมูกเป็นคันธารมณ์ รสที่ปรากฏทางลิ้นเป็นรสารมณ์ เย็นร้อนอ่อนแข็งที่ปรากฏที่กายเป็นโผฏฐัพพารมณ์ นอกจากนี้แล้วจะมีรูปอะไรอีกในวันหนึ่งๆ ที่ปรากฏ
ถ้าไม่มี ก็ไม่ต้องห่วง ไม่ใช่ว่าการเจริญสติปัฏฐานต้องไปแสวงหา แต่สิ่งใด ที่เกิดและปรากฏ เมื่อสิ่งนั้นยังไม่ดับ เป็นโอกาสที่สติจะเกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีลักษณะจริงๆ ที่กำลังปรากฏ ให้ศึกษา ให้ค่อยๆ เพิ่มความรู้ความเข้าใจขึ้น อย่างทางตา เป็นสิ่งให้พิสูจน์ได้ชัดเจนว่า มีสิ่งที่กำลังปรากฏอยู่ รอที่จะให้ปัญญารู้แจ้งชัดในสภาพที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน
ถ. รูปทางใจ เข้าใจว่าความนึกคิดจะเป็นรูปทางใจ ใช่หรือเปล่า
สุ. ความนึกคิดไม่ใช่รูป เพราะว่าจิตคิด รูปคิดไม่ได้ จิตเป็นสภาพที่คิด ไม่ใช่รูปคิด เพราะฉะนั้น ที่คิดนั้นไม่ใช่รูปแน่นอน
