กลุ้มใจเพราะกิเลส


    ถ. ความวิตกกังวล ความเดือดร้อนใจ ไม่ใช่เป็นผลของกรรม ความเดือดร้อน ความวิตกกังวลเกิดขึ้นเพราะอะไร

    สุ. เพราะกิเลส พระอรหันต์ท่านไม่เดือดร้อนเลย ไม่ว่าท่านจะอยู่ในป่า อากาศจะหนาว จะเย็น จะร้อนอย่างไรก็ตามแต่ เพราะท่านรู้จริงๆ ว่า ขณะนั้นเป็นแต่เพียงโผฏฐัพพะที่กระทบกาย หรือสิ่งใดๆ ที่จะกระทบตา กระทบหู กระทบจมูก กระทบลิ้น สำหรับพระอรหันต์ไม่เดือดร้อน เพราะว่าท่านหมดกิเลส เมื่อดับกิเลสหมดแล้วก็ไม่มีเรื่องกังวลใดๆ ทั้งสิ้น

    เพราะฉะนั้น ถ้าใครกลุ้มใจขณะไหน ให้ทราบว่า เป็นการสะสมความกลุ้มใจ ประเภทนั้นๆ กลุ้มใจด้วยโลภะก็มี กลุ้มใจด้วยโทสะก็มี แล้วแต่ว่าจะเป็นความกระวนกระวายเดือดร้อนด้วยอกุศลประเภทใด กลุ้มใจด้วยมานะก็มี กลุ้มใจด้วยอิสสาก็มี กลุ้มใจด้วยมัจฉริยะก็มี เป็นเรื่องของกิเลสทั้งนั้น ถ้าเห็นกิเลสแล้ว ก็น่ากลัว กลุ้มใจมากๆ เมื่อไร รู้ได้เลยว่าปัญญาไม่ได้ละคลายความกลุ้มใจนั้น เพราะว่าสติไม่ได้ระลึกลักษณะของสภาพธรรมนั้นๆ

    ถ้ากลุ้มใจและสติเกิด จะรู้ว่าต่างกับกลุ้มใจและสติไม่เกิด ซึ่งสติปัฏฐานเกิดได้แน่นอน และจะบรรเทาความกลุ้มใจในขณะนั้นด้วย เพราะขณะที่ปัญญาเกิดย่อม รู้ว่า ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน และเพียงชั่วขณะเท่านั้นเอง ไม่ใช่ว่าความกลุ้มใจนั้นจะตั้งอยู่ได้นานๆ ขณะที่กำลังเห็นสิ่งที่กำลังปรากฏ ก็คนละขณะกับขณะที่กลุ้มใจ เพราะฉะนั้น ถ้าใส่ใจ ศึกษา พิจารณาขณะที่กำลังเห็น จะทำให้ไม่กลุ้มใจในขณะนั้น

    เพราะฉะนั้น วิบากจริงๆ ที่ทุกคนจะเดือดร้อน ก็เฉพาะกายวิญญาณ ที่เป็น ทุกขสหคตัง เท่านั้น เมื่อไรกายป่วยไข้ เป็นทุกข์ เจ็บปวด เมื่อนั้นเป็นผลของกรรมที่ได้รับทางกายที่ทำให้ทุกขเวทนาเกิด แต่ถ้าเป็นผลของกรรมที่ได้รับทางตา เห็นสิ่งที่ ไม่น่าพอใจ ไม่เจ็บ ไม่ปวด ก็น่าจะทนได้ ไม่ควรจะเดือดร้อน

    ถ้าสุขภาพสมบูรณ์ดี ควรที่จะรู้ว่า ขณะนั้นยังไม่ได้รับผลของอกุศลกรรม ทางกาย และจะเดือดร้อนทำไม เพราะว่า ความวิตกกังวลทั้งหมด เป็นอกุศลจิต

    แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 1523


    วิบากจริงๆ ที่ทุกคนจะเดือดร้อน


    หมายเลข 14365
    28 พ.ย. 2568