สมาธิและโลภมูลจิตทิฏฐิคตวิปปยุตต์
สำหรับโลภมูลจิตทิฏฐิคตวิปปยุตต์ นอกจากจะพอใจในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ ยังพอใจในบัญญัติ ธรรมดาๆ ซึ่งเป็นไปในชีวิตประจำวัน ก็ยังพอใจในมิจฉาสมาธิได้ เช่น ผู้ที่พอใจในการบริหารร่างกาย รู้ว่าถ้าฝึกแบบโยคะ ให้จิตตั้งมั่นจดจ้องที่ลมหายใจเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงได้ ในขณะนั้นเป็นการอบรมหรือการทำสมาธิประเภทหนึ่ง ซึ่งเมื่อไม่ใช่กุศลจิตที่เป็นมหากุศลญาณสัมปยุตต์ ก็ต้องเป็นโลภมูลจิตซึ่งเป็นมิจฉาสมาธิ แต่ผู้นั้นไม่ได้เห็นผิดว่านี่เป็นหนทางที่จะทำให้รู้ สัจจบัญญัติ เพราะฉะนั้น ก็เป็นแต่เพียงความพอใจที่จะทำสมาธิ และรู้ว่าในขณะนั้นมีความต้องการสมาธิเพื่อประโยชน์แก่สุขภาพร่างกาย ไม่ใช่เห็นผิดโดยยึดถือว่า ต้องทำอย่างนี้ก่อน และมาพิจารณานามธรรมและรูปธรรมจะได้เร็วขึ้น ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็ไม่เข้าใจลักษณะของสัมมาสติว่าเป็นอนัตตา ไม่ใช่ว่าไปทำมิจฉาสมาธิก่อน จะได้มาเกื้อกูลให้ปัญญาสามารถรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมได้
การที่สติจะเป็นสัมมาสติ เป็นมรรคหนึ่งในมรรคมีองค์ ๘ ได้ ก็เมื่อมีสัมมาทิฏฐิ ความเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏซึ่งเป็นอารมณ์ที่สติจะต้องระลึกโดยถูกต้องและละเอียดขึ้น เป็นสังขารขันธ์ที่จะปรุงแต่งให้สติระลึกลักษณะของ สภาพธรรมที่กำลังปรากฏได้ถูกต้อง เช่น ทางตาที่กำลังเห็นจะได้รู้ว่า ขณะใดเป็นบัญญัติ และขณะใดเป็นปรมัตถ์ ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย เช่นเดียวกัน
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะดูโทรทัศน์ ดูกีฬา หรืออะไรๆ ก็ตามแต่ จะอ่านหนังสือ จะดูภาพเขียน ก็จะรู้ว่า ขณะใดเป็นบัญญัติ ขณะใดเป็นปรมัตถ์ มิฉะนั้นแล้วอาจจะคิดว่า เรื่องในโทรทัศน์เป็นบัญญัติ แต่ว่าที่กำลังปรากฏในขณะนี้ไม่ใช่บัญญัติ แต่ความจริงเป็นบัญญัติทั้งนั้น แม้แต่ชื่อของทุกท่านก็เป็นนามบัญญัติ เป็นคำที่ตั้งขึ้นเพื่อให้รู้ว่า หมายความถึงสภาพธรรมที่เป็นจิต เจตสิก รูป ที่สะสมมาของแต่ละบุคคลที่สมมติขึ้นว่าเป็นบุคคลนั้น บุคคลนี้
เรื่องของมิจฉาสมาธิที่เป็นโลภมูลจิตทิฏฐิคตวิปปยุตต์ ต่างกับขณะที่เข้าใจว่า มิจฉาสมาธิเป็นทางที่จะทำให้รู้แจ้งอริยสัจธรรม เพราะฉะนั้น มิจฉาสมาธิ มี และไม่ใช่แต่เฉพาะในประเทศไทย แต่ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม ขณะใดที่ไม่ใช่ มหากุศลญาณสัมปยุตต์ ขณะนั้นต้องเป็นมิจฉาสมาธิ ถ้าเข้าใจว่าเป็นหนทางที่จะ ทำให้ชำนาญขึ้นในการที่สติจะระลึกลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม ถ้าเข้าใจ อย่างนี้ ผิดทันที เพราะสัมมาสติที่ระลึกลักษณะของสภาพธรรมโดยถูกต้อง ไม่ได้อาศัยการทำมิจฉาสมาธิก่อน
