อิณสูตร (บางส่วน)
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย แม้ความเป็นคนจน ก็เป็นทุกข์ของบุคคลผู้บริโภคกามในโลก แม้การกู้ยืม ก็เป็นทุกข์ของบุคคลผู้บริโภคกามในโลก แม้การรับใช้ดอกเบี้ย ก็เป็นทุกข์ของบุคคลผู้บริโภคกามในโลก แม้การทวง ก็เป็นทุกข์ของบุคคลผู้บริโภคกาม ในโลก แม้การติดตาม ก็เป็นทุกข์ของบุคคลผู้บริโภคกามในโลก แม้การจองจำ ก็เป็นทุกข์ของบุคคลผู้บริโภคกามในโลก ด้วยประการฉะนี้
ถ้าเป็นหนี้ทรัพย์สินเงินทอง ยังมีทางที่จะชดใช้ให้หมดสิ้นไปได้ ไม่เหมือนกับการเป็นหนี้กรรมที่ได้กระทำแล้ว นั่นต้องแล้วแต่กำลังของกรรมว่าจะให้ผลมากน้อยเท่าไร จะสิ้นสุดลงเมื่อไร และจะให้ผลสืบต่อมากน้อยในภูมิไหน ถ้าเป็นกรรมที่หนักแม้ว่าจะเกิดในนรกแล้ว ได้รับผลของกรรมแล้ว แต่ยังไม่หมดหนี้ของกรรมนั้น แม้ว่าเกิดมาเป็นมนุษย์ กรรมนั้นก็ยังติดตามมาให้ผลได้
เพราะฉะนั้น เรื่องของการเป็นหนี้ทรัพย์สินเงินทอง ถ้าท่านเป็นผู้ที่มีความพากเพียรหาทรัพย์มาใช้หนี้นั้น ยังดีกว่าการที่ท่านเป็นหนี้อกุศลกรรม
พระผู้มีพระภาคตรัสต่อไปว่า
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคน ย่อมไม่มีศรัทธาในกุศลธรรม ไม่มีหิริใน กุศลธรรม ไม่มีโอตตัปปะในกุศลธรรม ไม่มีวิริยะในกุศลธรรม ไม่มีปัญญาในกุศลธรรม บุคคลนี้เรียกว่าเป็นคนจนเข็ญใจ ยากไร้ ในวินัยของพระอริยะเจ้า ฉันนั้นเหมือนกัน
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย คนจนเข็ญใจ ยากไร้นั้นแล เมื่อไม่มีศรัทธาในกุศลธรรม ไม่มีหิริในกุศลธรรม ไม่มีโอตตัปปะในกุศลธรรม ไม่มีวิริยะในกุศลธรรม ไม่มีปัญญา ในกุศลธรรม ย่อมประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจ เรากล่าวการประพฤติทุจริตของเขาว่า เป็นการกู้ยืม เขาย่อมตั้งความปรารถนาลามก เพราะเหตุแห่งการปกปิดกายทุจริตนั้น ย่อมปรารถนาว่า ชนเหล่าอื่น อย่ารู้จักเรา ย่อมดำริ ย่อมกล่าววาจา ย่อมพยายามด้วยกายว่า ชนเหล่าอื่น อย่ารู้จักเรา
นี่เป็นความทุกข์ของผู้ที่กระทำทุจริตกรรม ถ้ากระทำทุจริตไปแล้ว อยากให้คนอื่นรู้ไหม ปกปิดกันนักหนาไม่ให้คนอื่นรู้ ตัวเองรู้คนเดียวดีกว่าที่จะให้คนอื่นรู้ว่าตนได้ทำทุจริตกรรม เป็นชีวิตจริงๆ ของผู้ที่ยังมีกิเลส และในขณะที่พลาดพลั้งเป็นทุจริตกรรมนั้น ก็เพราะหลงลืมสติ ในขณะนั้นไม่มีหิริ ไม่มีศรัทธา ไม่มีปัญญาในกุศลธรรม เพราะฉะนั้น ทุจริตกรรมนั้นก็สำเร็จลงไปได้ และในขณะที่ปกปิดด้วยกาย ด้วยวาจาที่จะไม่ให้ผู้อื่นรู้ ไม่ให้ผู้อื่นเห็นนั้น ก็เป็นความทุกข์อย่างหนึ่ง
พระผู้มีพระภาคตรัสต่อไปว่า
เขาย่อมตั้งความปรารถนาลามก เพราะเหตุแห่งการปกปิดวจีทุจริตนั้น ฯลฯ
เขาย่อมตั้งความปรารถนาลามก เพราะเหตุแห่งการปกปิดมโนทุจริตนั้น ฯลฯ
ย่อมปรารถนาว่า ชนเหล่าอื่น อย่ารู้จักเรา ย่อมพยายามด้วยกายว่า ชนเหล่าอื่น อย่ารู้จักเรา เรากล่าวเหตุการปกปิดทุจริตของเขานั้นว่า เป็นการรับใช้ดอกเบี้ย
เพื่อนพรหมจรรย์ ผู้มีศีลเป็นที่รัก ได้กล่าวกับเขาอย่างนี้ว่า ก็ท่านผู้มีอายุรูปนี้ เป็นผู้กระทำอย่างนี้ เป็นผู้ประพฤติอย่างนี้ เรากล่าวการถูกว่ากล่าวของเขาว่า เป็นการทวงดอกเบี้ย
นี่ยังไม่ได้ใช้หนี้ ยังไม่ได้ใช้จริงๆ ยังไม่ได้รับผลของกรรมนั้นจริงๆ เพียงแต่ว่าถูกทวงดอกเบี้ย โดยการที่ถูกบุคคลอื่นว่ากล่าว เวลาที่ประพฤติทุจริตกรรมก็ย่อมจะได้รับคำติเตียนจากบุคคลอื่น [แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 262]
