อัมพปาลิสูตร


    ถ. นอกจากมรรคมีองค์ ๘ แล้ว ยังมีหนทางอื่นอีกไหมที่จะทำให้รู้ลักษณะของนามและรูปที่กำลังปรากฏ

    สุ. ไม่มีเลย เพราะเหตุว่าในพระไตรปิฎกได้แสดงไว้แล้วว่า การเจริญสติ ซึ่งเป็นมรรคมีองค์ ๘ นั้นเป็นหนทางเอก เป็นทางเดียว ผู้ที่ศึกษาธรรมต้องพิจารณาใคร่ครวญเพื่อให้เข้าใจชัดด้วยตนเองว่า เป็นจริงเช่นนั้นไหม

    มีนามมีรูปทุกขณะ รู้ได้ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ รู้ว่าเป็นนามเป็นรูปโดยการฟัง รู้โดยการฟังว่านามรูปเกิดดับ ประจักษ์แล้วหรือยังว่าเป็นนาม ไม่ใช่ตัวตน เป็นรูป ไม่ใช่ตัวตน เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ถ้าสติไม่ระลึกรู้ลักษณะของนามและรูปที่กำลังปรากฏ จะประจักษ์ได้ไหม โดยเหตุผลก็ไม่ได้ [แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 75]

    สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค อัมพปาลิสูตร มีข้อความว่า

    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ อัมพปาลิวัน ใกล้เมืองเวสาลี ณ ที่นั้น พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า

    ดูกร ภิกษุทั้งหลาย

    ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธภาษิตว่า

    ดูกร ภิกษุทั้งหลาย หนทางนี้เป็นที่ไปอันเอก เพื่อความบริสุทธิ์ของสัตว์ทั้งหลาย เพื่อก้าวล่วงความโศกและความร่ำไร เพื่อความดับสูญแห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุญายธรรม เพื่อทำนิพพานให้แจ้ง หนทางนี้ คือ สติปัฏฐาน ๔ สติปัฏฐาน ๔ เป็นไฉน

    ซึ่งก็ได้แก่ การพิจารณากายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม

    มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้

    ดูกร ภิกษุทั้งหลาย หนทางนี้เป็นที่ไปอันเอก เพื่อความบริสุทธิ์ของสัตว์ทั้งหลาย เพื่อก้าวล่วงความโศกและความร่ำไร เพื่อความดับสูญแห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุญายธรรม เพื่อทำนิพพานให้แจ้ง หนทางนี้ คือ สติปัฏฐาน ๔ ฉะนี้แล

    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธภาษิตนี้แล้ว ภิกษุเหล่านั้นชื่นชมยินดีพระภาษิตของพระผู้มีพระภาค

    ถ้ามีใครบอกให้เจริญสติ พิจารณากายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม ชื่นชมไหม ภิกษุเหล่านั้นชื่นชมยินดีในพระภาษิตของพระผู้มีพระภาค เห็นจริงว่า หนทางเอก หนทางเดียวที่จะทำให้ไม่หลงเข้าใจผิดในอารมณ์ใดๆ ไม่ได้ให้ทำอะไรผิดปกติ แต่พิจารณากายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม [แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 76]


    หมายเลข 13790
    24 มิ.ย. 2568