มีภูมิต่างๆ ตามควรแก่กรรมนั้นๆ
ถ. ชั้นจาตุมหาราชิกา ชื่อต่างๆ ฟังแล้วสงสัยว่า อะไรกันแน่ เช่น ท้าว วิรูปักขะ เป็นชื่อของพญางู และปกครองนาค ก็หมายความว่า ปกครองงูนั่นเอง งูเป็นภูมิไหนกันแน่ อยู่ในสวรรค์ หรือว่าภูมิที่เป็นเดรัจฉาน
สุ. ภูมิของเดรัจฉานมีเทวดาบ้างไหม
ถ. ไม่มี
สุ. ไม่มี ฉันใด บนสวรรค์ก็ไม่มีสัตว์เดรัจฉาน ฉันนั้น คนละภูมิ
ถ. ... (ได้ยินไม่ชัด)
สุ. น่าสนุกใช่ไหม คนที่เกิดบนสวรรค์เล่นสนุก เพลิดเพลินด้วยความสนุก ไม่มีใครยากจนที่จะต้องเกื้อกูลอนุเคราะห์อุปการะเหมือนอย่างในมนุษย์ ไม่มีน้ำท่วม ไม่มีฝนแล้ง เพราะฉะนั้น เล่นเพลินด้วยความสนุก ใครจะเนรมิตตัวเป็นช้างให้คนอื่นสนุกก็ได้ เพราะฉะนั้น ที่เป็นช้างเอราวัณไม่ใช่สัตว์เดรัจฉาน แต่เป็นเทพบุตรที่เนรมิตตนเพื่อที่จะให้พระอินทร์ขี่ อย่าเอาสัตว์ตัวหนึ่งตัวใด จิ้งจก ตุ๊กแก ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์
ถ. ทำไมท่านใช้คำว่า นาค นาคเป็นชื่อของเทวดาพวกหนึ่งหรืออย่างไร
สุ. ถ้าเป็นสวรรค์ ก็เป็นเรื่องของเทวดาชั้นต่างๆ ระดับต่างๆ รูปต่างๆ ลักษณะต่างๆ คำว่า นาค หรือ นาคะ ไม่ได้แปลว่า งู หรือแปลว่า ช้าง แต่แปลว่า ผู้ประเสริฐ ด้วย เหมือนอย่างคนที่จะบวชก็เรียกว่า นาค หมายความว่า เป็น ผู้ประเสริฐ เพราะมีศรัทธาที่จะศึกษาพระธรรมวินัยในเพศบรรพชิต
ถ. อาจารย์ได้กล่าวว่า ภพของอสุรกายดีกว่าอบายภูมิทั้ง ๓ ภูมิ แต่ไม่มีความรื่นเริง สนุกสนาน เขากับมนุษย์ก็อยู่ใกล้ๆ กันใช่ไหม จะมาดูหนัง ดูอะไรๆ มนุษย์เราก็มีจะให้ดู มีดนตรีอะไร
สุ. ถ้าจะมาบริโภคอาหารร่วมจาน มาร่วมโต๊ะกับมนุษย์ในภัตตาคารต่างๆ ก็ไม่ใช่คนละโลก
ถ. เขาก็รับรูป รส กลิ่น เสียง เช่นเดียวกัน ไม่ใช่หรือ
สุ. แต่ละโลก ก็แต่ละพวก
ถ. อย่างพวกเปรตที่หิว หิวเท่าไรก็ไม่ตายสักที
สุ. มนุษย์ภูมิเป็นสุคติภูมิ ส่วนเปรตนั้นหิวเท่าไรก็ไม่ตาย มนุษย์ทนไหวไหม คงบอกว่า ตายเสียก็ดี บางคนมีความทุกข์จนกระทั่งบอกว่า ตายเสียก็ดี นี่แสดงว่าอะไร ทนความทรมานไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้น ถ้าเป็นเปรตก็ยังตายไม่ได้ แม้จะพูดว่า ตายเสียก็ดี วันละ ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังตายไม่ได้
ถ. อย่างในภูมิมนุษย์ รู้สึกว่า มีอะไรหลายอย่างปะปนกัน
สุ. ก็ยังไม่ใช่เปรต ไม่ใช่นรก
ถ. เปรตก็มี อสุรกายก็มี สัตว์เดรัจฉานก็มี แต่ว่านรกไม่เคยเห็น
สุ. ที่จริงแล้ว มนุษย์ทั้งนั้น ยังไม่ใช่เปรตจริงๆ ยังไม่ใช่นรกจริงๆ
ถ. รุกขเทวดาก็อาศัยตามต้นไม้
สุ. เป็นไปได้ไหม นี่เป็นความวิจิตรของจิต อย่าลืม เวลานี้จิตของใครเป็นอย่างไร รู้ได้ไหม กรรมแต่ละอย่างที่กระทำไป รู้ได้ไหม กุศลกรรมก็ดี อกุศลกรรมก็ดี ไม่ใช่แต่เฉพาะในชาตินี้ชาติเดียวที่ได้กระทำไปแล้ว และยังความวิจิตรของสังขารขันธ์ซึ่งปรุงแต่งอยู่เรื่อย จิตเก่าเกิดขึ้นแล้วดับไป หมดสิ้นจริงๆ แต่อกุศลจิตที่เกิดใหม่ เกิดเพราะการสะสมของจิตดวงก่อนเป็นสังขารขันธ์ปรุงแต่งให้อกุศลขณะนี้เป็นอย่างนี้ แล้วก็ดับไป แต่ละขณะเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปๆ จึงแสนวิจิตร
วิจิตรจนกระทั่งโลกนี้วิจิตรไปหมด ไม่ว่าจะเป็นในภูมิไหนก็มีความวิจิตร ทั้งในภูมิของนรกก็วิจิตรต่างๆ ด้วยความทรมาน ในภูมิของสวรรค์ก็วิจิตรต่างๆ ด้วยความรื่นเริง ด้วยความสุข ความสนุกสนาน ในภูมิของมนุษย์ก็วิจิตร เพราะบางครั้งก็ได้รับผลของอกุศลกรรม บางครั้งก็ได้รับผลของกุศลกรรมต่างๆ
เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นภูมิเหล่านั้นแท้ๆ ล้วนๆ จริงๆ ที่ทุกข์นั้นจะทุกข์สักแค่ไหน และที่สุขนั้นจะสุขสักแค่ไหน เป็นมนุษย์ว่าสุข เป็นมนุษย์ว่าสบาย เป็นมนุษย์ว่ามีทรัพย์สินเงินทอง เทียบไม่ได้เลยกับบนสวรรค์ เพราะฉะนั้น จะเห็นความวิจิตรของกุศลกรรมและอกุศลกรรมซึ่งทำให้มีภูมิต่างๆ ตามควรแก่กรรมนั้นๆ [แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 997]
