มงคลสูตร และ อรรถกถามงคลสูตร
ทุกท่านคงจะได้ฟังมงคลข้อที่ ๑ การไม่คบคนพาล และท่านก็ได้ยินได้ฟังเสมอเรื่องของมงคล ๓๘ แต่ว่าคงจะมีน้อยท่านที่สอบทานกับพระไตรปิฎกและอรรถกถา ทำให้ความเข้าใจยังไม่ตรงกับอรรถกถา ซึ่งจะขอกล่าวถึงในที่นี้
ขุททกนิกาย สุตตนิบาต จุฬวรรคที่ ๒ มงคลสูตรที่ ๔ มีข้อความว่า
ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล เทวดาท่านหนึ่ง เมื่อปฐมยามล่วงไปแล้ว มีรัศมีอันงดงามยิ่ง ทำพระวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้สว่างไสว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้ว ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า
เทวดาและมนุษย์เป็นอันมากผู้หวังความสวัสดี ได้พากันคิดมงคลทั้งหลาย ขอพระองค์ได้โปรดตรัสอุดมมงคล
จากนั้นไปเป็นเรื่องของมงคล ตามพระไตรปิฎกถ้านับแล้วจะเป็น ๓๗ ประการ แต่จะให้ท่านผู้ฟังได้สอบทานกับอรรถกถา เพื่อจะได้ไม่เข้าใจการแยกมงคล ๓๘ ให้คลาดเคลื่อน
ข้อความในพระไตรปิฎก พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถาตอบว่า
การไม่คบคนพาล การคบบัณฑิต การบูชาบุคคลที่ควรบูชา นี้เป็นอุดมมงคล
การอยู่ในประเทศอันสมควร ความเป็นผู้มีบุญอันทำไว้แล้วในกาลก่อน การตั้งตนไว้ชอบ นี้เป็นอุดมมงคล
พาหุสัจจะ ศิลปะ วินัยที่ศึกษาดีแล้ว วาจาสุภาษิต นี้เป็นอุดมมงคล
การบำรุงมารดา บิดา การสงเคราะห์บุตร ภรรยา การงานอันไม่อากูล นี้เป็นอุดมมงคล
ทาน การประพฤติธรรม การสงเคราะห์ญาติ กรรมอันไม่มีโทษ นี้เป็นอุดมมงคล
การงดเว้นจากบาป ความสำรวมจากการดื่มน้ำเมา ความไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย นี้เป็นอุดมมงคล
ความเคารพ ความประพฤติถ่อมตน ความสันโดษ ความกตัญญู การฟังธรรมโดยกาล นี้เป็นอุดมมงคล
ความอดทน ความเป็นผู้ว่าง่าย การได้เห็นสมณะทั้งหลาย การสนทนาธรรมโดยกาล นี้เป็นอุดมมงคล
ความเพียร พรหมจรรย์ การเห็นอริยสัจ การกระทำนิพพานให้แจ้ง นี้เป็นอุดมมงคล
จิตของผู้ใดอันโลกธรรมทั้งหลายถูกต้องแล้ว ย่อมไม่หวั่นไหว ไม่โศกเศร้า ปราศจากธุลี เป็นจิตเกษม นี้เป็นอุดมมงคล
จะขอนับให้ท่านผู้ฟังได้เห็นชัดอีกครั้งหนึ่งว่า ตามพระไตรปิฎกมีอะไรบ้าง
๑. การไม่คบคนพาล
๒. การคบบัณฑิต
๓. การบูชาบุคคลที่ควรบูชา
๔. การอยู่ในประเทศอันสมควร
๕. ความเป็นผู้มีบุญอันทำไว้แล้วในกาลก่อน
๖. การตั้งตนไว้ชอบ
๗. พาหุสัจจะ
๘. ศิลปะ
๙. วินัยที่ศึกษาดีแล้ว
๑๐. วาจาสุภาษิต
๑๑. การบำรุงมารดา บิดา
๑๒. การสงเคราะห์ บุตร ภรรยา
๑๓. การงานอันไม่อากูล
๑๔. ทาน
๑๕. การประพฤติธรรม
๑๖. การสงเคราะห์ญาติ
๑๗. กรรมอันไม่มีโทษ
๑๘. การงดเว้นจากบาป
๑๙. ความสำรวมจากการดื่มน้ำเมา
๒๐. ความไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย
๒๑. ความเคารพ
๒๒. ความประพฤติถ่อมตน
๒๓. ความสันโดษ
๒๔. ความกตัญญู
๒๕. การฟังธรรมโดยกาล
๒๖. ความอดทน
๒๗. ความเป็นผู้ว่าง่าย
๒๘. การได้เห็นสมณะทั้งหลาย
๒๙. การสนทนาธรรมโดยกาล
๓๐. ความเพียร
๓๑. พรหมจรรย์
๓๒. การเห็นอริยสัจ
๓๓. การกระทำนิพพานให้แจ้ง
๓๔. จิตของผู้ใดอันโลกธรรมทั้งหลายถูกต้องแล้วย่อมไม่หวั่นไหว
๓๕. ไม่โศกเศร้า
๓๖. ปราศจากธุลี
๓๗. เป็นจิตเกษม
ส่วนคาถาสุดท้ายเป็นคาถาสรรเสริญมงคล
ตอนท้ายของมงคลสูตรมีว่า
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายทำมงคลเช่นนี้แล้ว เป็นผู้ไม่ปราชัยในข้าศึกทุกหมู่เหล่า ย่อมถึงความสวัสดีในที่ทุกสถาน นี้เป็นอุดมมงคลของเทวดาและมนุษย์เหล่านั้น
บางท่านเข้าใจว่า คาถาสรรเสริญมงคลตอนท้ายเป็นมงคลหนึ่ง จึงรวมเป็น ๓๘ แต่ไม่ถูก เพราะฉะนั้น ถ้าท่านศึกษาเรื่องมงคลสูตรจากหลายๆ แห่ง แม้ในฉบับของต่างประเทศก็จะพบว่า การแยกมงคล ๓๘ ไม่ตรงกันกับอรรถกถา อย่างฉบับภาษาอังกฤษของประเทศลังกา แยกคาถาที่ ๖ การงดเว้นจากบาป ซึ่งรวมเป็นหนึ่ง แยกเป็นการงดจากบาป ๑ การเว้นจากบาป ๑
สำหรับประเทศไทย ส่วนมากที่ได้ยินได้ฟัง จะแยกข้อการสงเคราะห์บุตร ๑ ภรรยา ๑ ซึ่งเป็นคาถาที่ ๔ แต่ไม่ตรงกับอรรถกถา
ปรมัตถโชติกา ซึ่งเป็น อรรถกถามงคลสูตร มีคำอธิบายว่า
พระผู้มีพระภาคตรัสมงคล ๓๘ ประการ ด้วยคาถา ๑๐ คาถา มี อเสวนา จ พาลนํ เป็นต้น
ข้อความใน ปรมัตถโชติกา อธิบายว่า คาถา ๑๐ คาถา ได้มงคล ๓๘ ประการ ดังนี้คือ
คาถาที่ ๑ มี ๓ มงคล คือ การไม่คบคนพาล ๑ การคบบัณฑิต ๑ การบูชาบุคคลที่ควรบูชา ๑
คาถาที่ ๒ มี ๓ มงคล คือ การอยู่ในประเทศอันสมควร ๑ ความเป็นผู้มีบุญ อันทำไว้แล้วในกาลก่อน ๑ การตั้งตนไว้ชอบ ๑
คาถาที่ ๓ มี ๔ มงคล คือ พาหุสัจจะ ๑ ศิลปะ ๑ วินัยที่ศึกษาดีแล้ว ๑ วาจาสุภาษิต ๑
คาถาที่ ๔ มี ๔ มงคล คือ มาตุปัฏฐานะ การบำรุงมารดา ๑ ปิตุปัฏฐานะ การบำรุงบิดา ๑ ปุตตะ ทารัสสะ สังคหะ การสงเคราะห์บุตร ภรรยา ๑ อนากุลา กัมมันตา การงานอันไม่อากูล ๑
ปรมัตถโชติกา ไม่ได้แยกอย่างฉบับภาษาอังกฤษ คือ ไม่ได้แยกเรื่องการงด การเว้น
ปรมัตถโชติกา อรรถกถา แยกคาถาที่ ๔ ว่า คาถาที่ ๔ นั้น มี ๔ มงคล คือ
มาตุปัฏฐานะ การบำรุงมารดา ๑ ปิตุปัฏฐานะ การบำรุงบิดา ๑ ปุตตะ ทารัสสะ สังคหะ การสงเคราะห์บุตร ภรรยา ๑ อนากุลา กัมมันตา การงานอันไม่อากูล ๑
ส่วนมากที่แยกกันนั้น จะแยกการสงเคราะห์บุตร ๑ การสงเคราะห์ภรรยา ๑ แต่ถ้าแยกอย่างนี้จะไม่ตรงกับปรมัตถโชติกา อรรถกถาของมงคลสูตร ซึ่งข้อความในปรมัตถโชติกามีคำอธิบายกำกับยืนยันเรื่องการแยกการบำรุงมารดา บิดาไว้
ข้อความใน ปรมัตถโชติกา มีว่า
การบำรุงมารดา ๑ การบำรุงบิดา ๑ การสงเคราะห์บุตร ภรรยา ๑ การงานอันไม่อากูล ๑
คาถาที่ ๔ มี ๔ มงคลอย่างนี้ ถ้าแยกบุตร ภรรยา เป็นบุตร ๑ ภรรยา ๑ คาถานี้จะมี ๕ มงคล
และถ้ารวมการบำรุงมารดา ๑ การบำรุงบิดา ๑ คาถานี้จะมีเพียง ๓ มงคล แต่ว่าคาถาที่ ๔ นี้ แสดงจำนวนของมงคลไว้ว่า คาถาที่ ๔ มี ๔ มงคล คือ การบำรุงมารดา ๑ การบำรุงบิดา ๑ การสงเสริมบุตรภรรยา ๑ การงานอันไม่อากูล ๑
สำหรับคาถาที่ ๕ มี ๔ มงคล คือ ทาน ๑ การประพฤติธรรม ๑ การสงเคราะห์ญาติ ๑ กรรมอันไม่มีโทษ ๑
คาถาที่ ๖ มี ๓ มงคล แม้เป็นฉบับภาษาต่างประเทศที่แยก การเว้นจากบาป ๑ การงดจากบาป ๑ แต่ไม่ตรงกับปรมัตถโชติกา ซึ่งข้อความในปรมัตถโชติกามีว่า
คาถาที่ ๖ มี ๓ มงคล คือ การเว้นจากบาป ๑ ความสำรวมจากการดื่มน้ำเมา ๑ ความไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย ๑
คาถาที่ ๗ มี ๕ มงคล คือ ความเคารพ ๑ ความประพฤติถ่อมตน ๑ ความสันโดษ ๑ ความกตัญญู ๑ การฟังธรรมโดยกาล ๑
คาถาที่ ๘ มี ๔ มงคล คือ ความอดทน ๑ ความเป็นผู้ว่าง่าย ๑ การได้เห็นสมณะ ๑ การได้สนทนาธรรมโดยกาล ๑
คาถาที่ ๙ มี ๔ มงคล คือ ความเพียร ๑ พรหมจรรย์ ๑ การเห็นอริยสัจ ๑ การกระทำนิพพานให้แจ้ง ๑
คาถาที่ ๑๐ มี ๔ มงคล คือ จิตไม่หวั่นไหวในโลกธรรม ๑ ไม่เศร้าโศก ๑ ปราศจากธุลี ๑ เป็นจิตเกษม ๑
ข้อความตอนท้ายมีว่า
พระผู้มีพระภาคตรัสมงคล ๓๘ ประการ ด้วยคาถา ๑๐ คาถา มี อเสวนา จ พาลานํ เป็นต้น บัดนี้เมื่อจะยกย่องมงคลเหล่านั้นที่พระองค์ตรัสแล้ว จึงได้ตรัสคาถาสุดท้ายว่า
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายทำมงคลเช่นนี้แล้ว เป็นผู้ไม่ปราชัยในข้าศึกทุกหมู่เหล่า ย่อมถึงความสวัสดีในที่ทุกสถาน นี้เป็นอุดมมงคลของเทวดาและมนุษย์เหล่านั้น
เพราะฉะนั้น ก็แล้วแต่ท่านผู้ฟังจะพิจารณาธรรม จะสอบทานกับอรรถกถา จะแก้ไขหรือไม่แก้ไขสิ่งที่ท่านได้ยินได้ฟัง หรือที่ท่านเคยเข้าใจ แต่จะเห็นความละเอียดของพระธรรมวินัยว่า ท่านควรจะสอบทาน ตรวจสอบพระธรรมวินัย ทั้งพระไตรปิฎกและอรรถกถา แม้แต่ในเรื่องที่บางท่านอาจจะคิดว่าเล็กน้อย เช่น มงคลสูตร
ซึ่งใน มังคลัฏฐทีปนี ก็ได้อธิบายเรื่องมงคล ๓๘ ไว้
ที่มา ...
