อาวาสปลิโพธ ไม่ใช่แต่เฉพาะฆราวาส
สำหรับเรื่องอาวาสปลิโพธ บางท่านก็อาจจะมีความเข้าใจว่า พระภิกษุคงจะมีน้อยกว่าฆราวาส แต่ปุถุชนถึงแม้เป็นพระภิกษุผู้สะสมมาที่จะละอาคารบ้านเรือน แต่ถ้ายังไม่บรรลุมรรคผล กิเลสที่เหนียวแน่นหนาแน่นของความเป็นปุถุชนก็ย่อมมีอยู่แล้ว จะเห็นได้จากพระวินัยปิฎกที่ว่า ถึงแม้ท่านจะละอาคารบ้านเรือน ไม่ผูกพัน ไม่พัวพันกับญาติมิตรกับวงศ์ตระกูล แต่ยังห่วงใยกังวลกับที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นอาวาสปลิโพธก็ยังมี
จุฬวรรค ภาค ๒ มีข้อความว่า
สมัยนั้นชาวบ้านตกแต่งมณฑป จัดแจงเครื่องลาด แผ้วถางสถานที่ไว้ เฉพาะสงฆ์ ภิกษุอันเตวาสิกของพระฉัพพัคคีย์กล่าวว่า
พระผู้มีพระภาคทรงอนุญาตเสนาสนะตามลำดับผู้แก่กว่า เฉพาะของสงฆ์เท่านั้น ของเหล่านี้เขาไม่ได้ทำเจาะจงไว้ พระฉัพพัคคีย์ก็รีบไปก่อนพระภิกษุสงฆ์ซึ่งมีพระผู้มีพระภาคเป็นประมุข แล้วพระฉัพพัคคีย์ก็ไปจองมณฑป จองเครื่องลาด จองสถานที่ไว้ว่า นี่สำหรับอุปัชฌาย์ของพวกเรา นี่สำหรับอาจารย์ของพวกเรา นี่สำหรับพวกเรา
ครั้นท่านพระสารีบุตรไปล้าหลังพระภิกษุสงฆ์ ซึ่งมีพระผู้มีพระภาคเป็นประมุข เมื่อภิกษุเหล่านั้นจองมณฑป จองเครื่องลาด จองสถานที่หมดแล้ว หาที่ว่างไม่ได้เลย ท่านพระสารีบุตรจึงนั่งอยู่ ณ โคนไม้แห่งหนึ่ง ครั้นเวลาปัจจุสมัยแห่งราตรี พระผู้มีพระภาคเสด็จลุกขึ้น ทรงพระกาสะ แม้ท่านพระสารีบุตรก็กระแอมไอ
พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า "ใครที่นั่น"
ท่านพระสารีบุตรกราบทูลว่า "ข้าพระพุทธเจ้า สารีบุตร พระพุทธเจ้าข้า"
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า "สารีบุตร ทำไมเธอจึงมานั่งที่โคนไม้นี้เล่า"
ท่านพระสารีบุตรก็ได้กราบทูลเรื่องให้พระผู้มีพระภาคทรงทราบ ซึ่งพระผู้มีพระภาคก็รับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วทรงสอบถาม ทรงติเตียน แล้วทรงรับสั่งว่า ภิกษุรูปใดเกียดกัน ต้องอาบัติทุกกฎ
นี่เป็นเรื่องสถานที่ เป็นความห่วงใย ความกังวลในที่อยู่ ถึงแม้ว่าจะละอาคารบ้านเรือนไปแล้ว เพราะฉะนั้น เรื่องของปลิโพธก็ควรจะเข้าใจว่า เป็นกิเลส เป็นความกังวล เป็นความห่วงใย ซึ่งยังมีอยู่ตามวิสัยผู้ที่ยังละกิเลสประเภทนั้นๆ ไม่หมด เพราะโดยมากจะเข้าใจว่า ปลิโพธนั้นเป็นความกังวลเฉพาะของฆราวาส ที่ทำให้ท่านไม่สามารถจะประพฤติปฏิบัติเจริญสติปัฏฐานได้ เพราะเหตุว่ามีปลิโพธมากมาย แต่ถ้าเข้าใจว่า ปลิโพธก็เป็นลักษณะของกิเลส เป็นความห่วงใยซึ่งทุกคนมี ไม่ว่าจะเป็นฆราวาสหรือเป็นภิกษุแล้วก็ตาม แล้วปลิโพธประเภทใดเป็นเครื่องขัดขวางการเจริญวิปัสสนา ประเภทใดไม่เป็นเครื่องขัดขวางการเจริญวิปัสสนานั้น ก็ควรเข้าใจให้ถูกต้องด้วย
สำหรับสถานที่นั้นไม่เป็นเรื่องขัดขวางการเจริญวิปัสสนาเลย เพราะเห็นได้จากตัวอย่าง แม้ในพระสูตร แม้ในพระวินัยว่า ถึงแม้ว่าจะเป็นภิกษุละอาคารบ้านเรือนแล้ว ก็ยังมีอาวาสปลิโพธ
อีกเรื่องหนึ่งในพระวินัย เป็นเรื่องของท่านพระอุปนนท์หวงกันเสนาสนะไว้ ๒ แห่ง คือ
ท่านอุปนนท์ถือเสนาสนะไว้ในเขตพระนครสาวัตถี แล้วได้ไปสู่อาวาสใกล้ตำบลบ้านแห่งหนึ่ง แล้วได้ถือเสนาสนะในอาวาสบ้านนั้นอีก ภิกษุผู้มักน้อยสันโดษก็ติเตียน แล้วได้กราบทูลให้พระผู้มีพระภาคทรงทราบ พระผู้มีพระภาคทรงติเตียนว่า
การกระทำเช่นนั้น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส แล้วพระผู้มีพระภาคก็รับสั่งกับภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุรูปเดียวไม่พึงหวงกันเสนาสนะไว้ ๒ แห่ง รูปใดหวงกัน ต้องอาบัติทุกกฎ
คงหมดความสงสัยในเรื่องของอาวาสปลิโพธว่า ไม่ใช่แต่เฉพาะฆราวาสที่มี
ที่มา ...