อาวาสปลิโพธ ในวิสุทธิมรรค


    ตัวอย่างที่แสดงไว้ใน วิสุทธิมรรค ในเรื่องอาวาสปลิโพธ ความกังวลในเรื่องที่อยู่ กล่าวไว้ว่า อาวาสปลิโพธนั้นไม่เป็นเครื่องกังวลสำหรับภิกษุทั่วไปทุกรูป บางรูปก็กังวล บางรูปก็ไม่กังวล แล้วท่านก็ยกเรื่องกุลบุตร ๒ นาย ออกจากอนุราธบุรี ไปบวชในวิหารถูปาราม รูปหนึ่งทำมาติกาทั้ง ๒ คือหัวข้อธรรมและวินัยให้คล่องแคล่ว มีพรรษาครบ ๕ ปาวารณาแล้วก็ไปสู่ปาจีนขัณฑราชี แล้วอยู่ในวิหารนั้นเป็นพระเถระ ระหว่างพรรษาที่ ๑ ถึงพรรษาที่ ๕ นั้น ก็เป็นพระนวกะ ระหว่างพรรษาที่ ๕ ถึงพรรษาที่ ๑๐ ก็เป็นมัชฌิมะ ตั้งแต่ ๑๐ พรรษาขึ้นไป ก็เป็นพระเถระ เพราะฉะนั้น ท่านก็อยู่ที่ปาจีนขัณฑราชีจนกระทั่งท่านเป็นพระเถระ แล้วก็คิดว่า ที่นั่นสมควรเป็นที่หลีกเร้น เมื่อท่านเห็นว่า ปาจีนขัณฑราชีเป็นที่ห่างไกล เป็นที่สงบ เป็นที่ควรหลีกเร้น ท่านก็คิดถึงสหายของท่านที่บวชพร้อมกัน ท่านก็ออกจากวิหารเดินทางไปสู่ถูปาราม พระภิกษุเถระซึ่งเป็นสหายของท่าน เมื่อเห็นท่านก็ลุกขึ้นรับบาตรจีวร และก็ทำวัตร คือ การต้อนรับ พระภิกษุผู้อาคันตุกะก็เข้าไปสู่ที่พัก คือ เข้าไปสู่เสนาสนะ แล้วก็คิดว่า บัดนี้สหายของเราจะส่งเนยใส หรือน้ำดื่มแก่เรา เพราะท่านอยู่ในเมืองนี้นาน แต่ว่าทั้งคืนนั้น ท่านก็ไม่ได้อะไร นี่เป็นความกังวลหรือเปล่า พระภิกษุรูปนี้ท่านไปจากถูปาราม ไปสู่ปาจีนขัณฑราชี ซึ่งเป็นที่สงบ ซึ่งท่านคิดว่า สมควรเป็นที่หลีกเร้น แต่ว่าทันทีที่ท่านมาที่ถูปารามเข้าไปสู่เสนาสนะ ท่านก็คิดว่า สหายของท่านจะส่งเนยใส จะส่งเครื่องดื่มมาให้ เพราะเหตุว่าท่านอยู่เมืองนี้นาน ท่านก็กังวลกับเรื่องเนยใสกับเครื่องดื่ม และตลอดทั้งคืนนั้นก็ไม่ได้อะไร ตอนเช้าท่านก็คิดว่า เพื่อนของท่านคงจะส่งข้าวยาคู และของเคี้ยวซึ่งอุปัฏฐากส่งมาถวาย กังวลอีกหรือเปล่า ไม่หมด ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนก็ตาม อย่าคิดว่า ปลิโพธมีแต่ที่บ้านของท่านเท่านั้น เครื่องกังวล ความกังวล เป็นกิเลส อยู่ที่จิต ตัวท่านอยู่ที่ไหนก็ตาม ความกังวลไม่หมด เมื่อความกังวลไม่หมด ย่อมจะปรากฏในลักษณะอารมณ์ต่างๆ กัน ไม่ใช่หลีกเร้นไป แล้วจะหมดความกังวลได้

    พอถึงตอนเช้าท่านก็คิดกังวลอีกว่า เพื่อนของท่านคงจะส่งข้าว ยาคู และของเคี้ยวซึ่งอุปัฏฐากส่งมาถวาย แต่ท่านก็ไม่เห็นอะไรเลย ไม่ได้รับอะไรเลย เพื่อนของท่านก็ไม่ได้ส่งอะไรมาให้เลย ท่านก็คิดว่า ชาวบ้านคงไม่ส่งของมาถวาย แต่คงจะถวายเมื่อไปบิณฑบาต ท่านก็ไปบิณฑบาตกับสหายของท่านแต่เช้าตรู่ ท่านเที่ยวไปตลอดถนน ก็ได้ข้าวยาคูประมาณถ้วยหนึ่งหรือกระบวยหนึ่ง แล้วท่านก็กลับไปที่โรงฉัน แล้วก็นั่งดื่มในโรงฉัน และท่านซึ่งเป็นพระอาคันตุกะก็คิดต่อไป กังวลต่อไปว่า ชาวบ้านคงไม่ถวายข้าวยาคูเป็นนิตย์แน่ๆ แต่พอถึงเวลาภัตร เขาคงจะถวายภัตรอันประณีต แต่ครั้นถึงเวลาอาหาร ท่านก็ฉันแต่เฉพาะอาหารที่ได้แต่เวลาบิณฑบาต ความหวัง ความกังวล มีต่อไปเรื่อยๆ จากตอนกลางคืนถึงตอนเช้า และก็จะต่อไปถึงเวลาภัตตาหาร แต่พอถึงเวลาภัตตาหารแล้ว ไม่ได้อะไร ไม่มีชาวบ้านนำภัตตาหารที่ประณีตมาถวาย ท่านก็ได้ฉันเฉพาะข้าวยาคูที่ท่านได้จากการบิณฑบาต

    ท่านพระอาคันตุกะก็ถามสหายของท่านว่า ท่านดำรงชีพอย่างนี้ตลอดมาหรือ ซึ่งสหายของท่านก็รับว่า ท่านดำรงชีพมาอย่างนี้ พระอาคันตุกะก็ชวนท่านไปอยู่ที่ปาจีนขัณฑราชี เพราะเหตุว่าที่นั่นสะดวกดี เมื่อพระเถระท่านได้ฟังพระอาคันตุกะซึ่งเป็นสหายกล่าวดังนั้น ท่านก็ออกจากเมืองโดยประตูด้านทักษิณ คือ ไปทางประตูทิศใต้ เดินไปตามถนนบ้านช่างหม้อ ซึ่งเป็นทางไปสู่ปาจีนขัณฑราชี พระอาคันตุกะก็แปลกใจมากที่พระเถระเดินไปทางนั้น ก็ถามท่านว่า “ท่านขอรับ ทำไมท่านถึงไปทางนี้” พระเถระก็กล่าวตอบว่า ก็ท่านมิได้กล่าวว่า จะไปสู่ปาจีนขัณฑราชีหรือ พระอาคันตุกะก็กล่าวว่า “ท่านไม่ได้มีอดิเรกบริขารอะไรๆ บ้างหรือ ในฐานะที่ท่านอยู่ที่นั่นนานถึงเพียงนั้น” ท่านพระเถระก็กล่าวตอบว่า “อาวุโส เตียงตั่งเป็นของสงฆ์ ซึ่งก็ได้เก็บเรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไร” พระอาคันตุกะก็กล่าวว่า “ท่านขอรับ ไม้เท้าและทะนานน้ำมัน ถุงรองเท้าของผมอยู่ที่ถูปารามนั่น” พระเถระก็กล่าวว่า “อาวุโส ท่านอยู่วันเดียวเท่านั้น วางของมีประมาณเท่านี้ไว้หรือ” ซึ่งพระอาคันตุกะก็รับว่า ขอรับท่าน

    ที่มา ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 30

    ท่านเป็นพระอาคันตุกะมาจากที่ไกลซึ่งเป็นที่หลีกเร้น แต่มีความกังวลมากเพราะเพียงวันเดียวก็มีสิ่งของที่เป็นห่วงวางไว้ แต่พระเถระซึ่งอยู่ที่พระวิหารถูปารามนั้น เมื่อได้ฟังสหายของท่านกล่าวชวนไปปาจีนขัณฑราชีท่านก็ตรงไปได้เลยไม่กังวลไม่ห่วงใยสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น

    พระอาคันตุกะมีจิตเลื่อมใส ไหว้พระเถระแล้วพูดว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ สำหรับพระเถระเช่นท่าน ณ ที่ทุกสถานย่อมเป็นเช่นอรัญวาส พระวิหารถูปารามเป็นที่เก็บพระบรมสารีริกธาตุ เป็นที่ฟังธรรม เป็นที่สบายในโลหะปราสาท เป็นที่ได้เห็นมหาเจดีย์ เป็นที่ได้สนทนาปราศรัยกับท่านพระเถระทั้งหลายเช่นในครั้งพุทธกาล ณ สถานที่เช่นนี้เป็นที่อันท่านควรอยู่ และในวันรุ่งขึ้น ท่านพระอาคันตุกะก็ได้เดินทางกลับไปปาจีนขัณฑราชี

    เห็นได้ว่า อาวาสหรือที่อยู่นั้นเป็นความห่วงใย เป็นความกังวลสำหรับบางท่าน แต่ว่าไม่ใช่สำหรับทุกท่าน สำหรับคฤหัสถ์ก็คงห่วงใยในบ้านเรือนไม่มากก็น้อย การที่จะรักษาสถานที่ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยให้สะอาดเรียบร้อย ไม่มีเชื้อโรค ไม่เป็นภัยไม่เป็นอันตรายนั้น เป็นสิ่งที่จะต้องกระทำ ไม่ใช่เป็นสิ่งซึ่งผู้เจริญสติปัฏฐานกระทำไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะกังวลเกี่ยวกับเรื่องของอาคารบ้านเรือน ในขณะนั้นก็เจริญสติปัฏฐานได้ โดยเฉพาะบางท่านที่กังวลในเรื่องที่อยู่อาศัยมาก ก็ควรที่จะได้พิจารณาความจริงว่า ถึงจะกังวลเป็นห่วงสักเท่าไร ที่อยู่ที่อาศัยนั้นก็เป็นแต่เพียงที่พักชั่วคราวในโลกนี้เท่านั้น และไม่ใช่แต่เฉพาะที่อยู่ที่อาศัยอาคารบ้านเรือน แม้แต่โลกทั้งโลก ไม่ว่าจะเป็นสุคติหรือเป็นทุคติก็ตาม ก็เป็นที่พักเพียงชั่วคราวเท่านั้น ไม่มีใครจะอยู่ในโลกนี้ตลอดไป จึงไม่ควรห่วงกังวลมากนัก เพียงแต่ว่าเมื่อยังจำเป็นในการดำรงชีวิตเลี้ยงชีพ บริหารชีวิตให้ดำเนินไปด้วยดี จำเป็นต้องซ่อมแซมรักษาอาคารบ้านเรือนให้อยู่ในสภาพที่ไม่เป็นอันตราย นั่นก็เป็นสิ่งที่ทำได้โดยไม่จำเป็นต้องกังวล ห่วงใย ติดข้องมาก เพราะเป็นแต่เพียงที่พักเพียงชั่วคราวเท่านั้น หมดชีวิตในโลกนี้แล้วก็ไปสู่โลกอื่น มีที่พักอาศัยเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นทุคติ หรือสุคติก็ตาม

    สำหรับที่อยู่ที่อาศัยก็ไม่สามารถเลือกได้ ย่อมเป็นไปตามวิบากกรรม ซึ่งบางท่านก็พอใจที่จะอยู่ในที่สงบ ไม่วุ่นวาย แต่เพราะเหตุว่าวิสัยของฆราวาสนั้นไม่ได้สะสมอบรมมาที่จะเป็นผู้ละอาคารบ้านเรือน ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ที่ใคร่ต่อความสงบ ต้องการที่จะอยู่ในที่เงียบสงบ แต่เพราะสิ่งที่เคยสะสมไม่เป็นปัจจัยให้ได้อยู่ในสถานที่เช่นนั้น ก็ควรเจริญสติ รู้ลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏ ไม่ว่าจะอยู่ ณ สถานที่ใด หรือถึงแม้ว่าจะเป็นบรรพชิตก็ตาม ก็ไม่มีผู้ใดสามารถที่จะเลือกที่อยู่ได้ตามอัธยาศัย

    ที่มา ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 31


    หมายเลข 13458
    15 พ.ย. 2568