คิดถึงธรรมบ้างไหม


    ในแต่ละวัน มากไปด้วยความคิดถึงเรื่องราวต่างๆ มากมาย และความคิดก็เกิดดับ อย่างรวดเร็ว แต่คิดถึงธรรมบ้างไหม ซึ่งถ้าได้ฟังพระธรรมจนมีความเข้าใจเพิ่มขึ้น ก็มีการไตร่ตรองในธรรมที่ได้ฟัง


    ท่านอาจารย์ ถ้าถาม คงตอบไม่ได้ ถามว่า เดี๋ยวนี้คิดอะไร ตอบสิ่ แน่ใจหรือ ก่อนที่จะตอบอย่างนี้ คิดอะไร เห็นไหม เพราะฉะนั้นถามว่าเดี๋ยวนี้คิดอะไร ดับแล้ว หมดแล้ว คิดใหม่แล้ว เก่าลืมแล้ว แค่พริบตาเดียว หรือเร็วยิ่งกว่านั้นอีก

    ผู้ฟัง เกิดดับก็คือ จิตหนึ่งขณะ แล้วก็ดับ

    ท่านอาจารย์ โดยมากแล้ว ฟังแล้วก็คิดตามเรื่อง แต่ว่าเป็นเราใช่หรือไม่ เพราะฉะนั้นไม่มีทาง ที่จะตรงอย่างที่เราคิด เพราะนั่นคือ เราคิด ว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ปัญญาไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้นปัญญาเป็นความเข้าใจ เราเคยคิดไหม ที่จะเข้าใจสิ่งที่มี หรือเราอยากจะหมดกิเลส หรืออยากจะทำอย่างอื่น อย่างหนึ่งอย่างใด เห็นไหม ผิดกันแล้ว ถ้าจะเข้าใจก็เป็นเรื่องที่ละเอียดมาก ช้ามาก แต่เข้าใจจริงๆ ค่อยๆ เข้าใจขึ้น แต่เป็นเรื่องคิดว่า เห็นเกิดดับอย่างไร นั่นคือไม่มีความเข้าใจอะไรเลยทั้งสิ้น เฝ้าแต่คิดว่าอย่างไร ต่างกันแล้ว เห็นหรือไม่ แม้นิดเดียว เล็กน้อยที่สุด เหมือนสองอย่างที่แสนบาง ยากที่จะรู้ได้

    ผู้ฟัง เริ่มจากจุดเล็กๆ แล้ว

    ท่านอาจารย์ ไม่ต้องคิดอะไรเลยสักนิดนึง จะเล็กจะใหญ่แค่ไหน ฟังเข้าใจ เข้าใจเท่านั้น เข้าใจนั่นคือไม่ใช่เราแล้ว และเข้าใจนั้นก็เป็นสังขารขันธ์ จากขณะหนึ่งไปอีกขณะหนึ่ง จากเมื่อเช้าถึงเดี๋ยวนี้เอง เห็นหรือไม่ ปัญญาทำหน้าที่ของปัญญาแค่ไหน ใครรู้ ไม่ต้องไปมีตัวตนไปใฝ่หาอีก เรื่องของตัวตนทั้งนั้นเลย แต่ว่าฟังแล้วเข้าใจก็คือเข้าใจ เพราะฉะนั้นถ้าถามว่าเดี๋ยวนี้คิดอะไร

    ผู้ฟัง ตอบไม่ได้ เพราะว่ารวดเร็ว เกิดดับหมดแล้ว

    ท่านอาจารย์ ถูกต้อง เชิญคุณอรรณพช่วยหน่อย

    อ.อรรณพ เพียงได้ยินคำถาม จิตก็เกิดดับ คิดโน่น คิดนี่มากมาย ก็จะกราบเรียนก็คือว่า ไม่อาจจะตอบทัน ว่าคิดอะไร

    ท่านอาจารย์ แค่เห็นเป็นคุณอรรณพ คิดตั้งเท่าไร คิ้ว ตา จมูก ปาก ทุกสิ่งทุกอย่าง ถึงจะเป็นคุณอรรณพ แต่พอเห็น คุณอรรณพทันที เกิดดับเร็วแค่ไหน เพราะฉะนั้นมีสิ่งที่เราไม่รู้ เหมือนเราพูดถึงสิ่งที่อยู่ใต้มหาสมุทร จมอยู่ที่ก้นมหาสมุทร ทุกอย่างหมดเลย แม้แต่คิดเดี๋ยวนี้ก็ไม่รู้ รู้หมดทุกอย่าง จิตเท่าไร มีเจตสิกเกิดร่วมด้วยเท่าไร รูปเท่าไร แล้วเดี๋ยวนี้ คนนั้น คนนี้ อยู่ตรงนั้นตรงนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เราได้ยิน ได้ฟัง

    เพราะฉะนั้นจะรู้เลยว่า จากคิด จากฟัง เยอะเลยเมื่อเช้านี้ เมื่อสักครู่นี้อาหารอร่อยหรือไม่ ตอบได้ แต่ถามว่าคิดหรือไม่ ถึงสิ่งที่ได้ฟังเมื่อเช้านี้ ตอบได้ไหม ตอบไม่ได้ มะม่วงน้ำปลาหวาน ตอบได้ ใช่ไหม แต่เมื่อเช้านี้วินัยอะไร จิตอะไร เจตสิกอะไร เท่าไรตอบได้หรือไม่ ที่เราสนทนากันไปแล้ว แต่ปัญญาทำหน้าที่ ไม่ต้องห่วงเลย ปัญญาไม่ได้จำ เห็นไหม ความละเอียดมาแล้ว ปัญญาไม่ใช่จำ ทีละหนึ่งต้องหนึ่งเป็นหนึ่ง เราอาจจะไม่ต้องใช้คำ ที่ทำให้เราพูดตามบ่อยๆ แต่ความเข้าใจของเราไม่ได้ตามคำพูดบ่อยๆ อย่างนั้น เพียงแต่จำ มีหน้าที่จำ ไม่เคยที่จะไม่จำ แต่ว่าจำก็เกิด และจำก็ดับ แล้วก็ไม่กลับมาอีกสักจำเดียว แต่ก็สืบต่อมาเรื่อยๆ

    นี่ก็แสดงให้เห็นว่า อย่างนี้ใครจะมาคิดเอง พูดเองได้ เพราะว่าเป็นจริงทุกคำ แต่ว่ากว่าจะถึงการที่รู้ว่า ไม่ใช่เราได้ ฟังไป แล้วก็เมื่อไร ตื่นขึ้นมาก็คิดถึงธรรมบ้าง มีไหม เพราะว่าทั้งวัน ยังไม่ได้หลับ ไม่คิดถึงธรรมเลย ใช่ไหม คิดเรื่องอื่นหมดเลย เดี๋ยวเราจะเข้าไปในห้อง จะทำอะไรบ้าง บางคนอาจจะไปพระเชตวันตอนเย็นๆ ค่ำแล้วเข้าไม่ได้ หมายความว่าพอพระอาทิตย์ตกดิน ก็ต้องปิดประตูพระเชตวัน เพราะฉะนั้นบางคนอาจจะมีเวลาอยากจะไปเดินดูสักหน่อยอะไรได้ คิดไปเรื่อย แต่ว่าคิดถึงธรรมที่ได้ฟังบ้างไหม จนกว่าไม่ใช่เราเลย แต่เกิดจำ เกิดคิด เกิดไตร่ตรอง แล้วก็จะรู้ได้ว่าขณะนั้นแม้ไม่ได้ฟัง แต่ความเข้าใจที่เกิดจากการฟัง เป็นปัจจัยให้มีการคิดในขณะนั้น ซึ่งไม่ใช่คิดอย่างอื่น

    เพราะฉะนั้นจึงมีปัญญาหลายระดับขั้น สุตตมยญาณ ปัญญาที่เกิดจากการฟัง แค่นี้ ฟังเท่าไร ปัญญาเกิดจากการฟังเท่าไร เท่ากันหรือไม่ ไม่เท่า ใช่ไหม แต่มาจากการฟัง ฟังจนกระทั่ง มีปัจจัยที่เรามีโอกาส มีเวลาที่เกิดคิด เพราะว่าความคิดของแต่ละคน ห้ามไม่ได้เลย ไม่มีใครสามารถที่จะห้ามคิด ไม่มีใครสามารถที่จะไม่ให้คิดชนิดนี้ ให้คิดชนิดนั้นเกิด ให้คิดอย่างโน้น อย่างนี้เกิด ให้คิดดีๆ เกิด ห้ามไม่ได้

    เพราะว่าทั้งหมดนำไปสู่ความเข้าใจถูกต้องว่าธรรมเป็นอนัตตา ธรรมทั้งหลาย ทั้งหมด เป็นอนัตตา จากชาตินี้ที่เกิดมา สะสมฝังลงไปในใจ จนกระทั่งเมื่อไรก็ตามแต่ ความคุ้นเคยกับการได้ยิน ได้ฟังบ่อยๆ ปัญญาทำหน้าที่สังขารขันธ์ ที่จะรู้ถูกต้องว่าไม่ใช่เรา จะมีการสละ ได้มากขึ้น มีการทำความดีได้มากขึ้น เพราะว่าทำดี ทำเถอะ เพราะว่าขณะนั้นเป็นหนทางที่จะทำให้ละความเป็นเรา ไม่ว่าโดยวิธีใดทั้งสิ้น ทานบารมี ต้องมีสิ่งของอะไรมากมายหรือไม่ หรือว่าปลาสลิดสักชิ้นหนึ่ง ก็เป็นทานบารมีได้ ใช่ไหม เห็นหรือไม่ ชีวิตประจำวันแท้ๆ แต่อะไรบัง อวิชชาความไม่รู้ และความเป็นเรา


    หมายเลข 10948
    10 เม.ย. 2567