นายช่างผู้สร้างเรือน


        โลภะเป็นสภาพที่ติดข้องต้องการ นำไปในทางผิด และที่พระผู้มีพระภาคทรง เปรียบโลภะเหมือนนายช่างผู้สร้างเรือนนั้น ก็ควรทราบว่า สร้างตอนไหน เรือนอยู่ที่ไหน และจะหยุดสร้างเรือนได้อย่างไร


        ท่านอาจารย์ วันนี้คุณวิชัยตื่น แล้วทำอะไรบ้าง

        อ.วิชัย ลืมตา

        ท่านอาจารย์ ถ้าไม่มีโลภะลืมตาได้ไหม ไม่มีความต้องการที่จะลืมตาแล้วจะลืมตาได้ไหม

        อ.วิชัย ก็ไม่ได้

        ท่านอาจารย์ ไม่ได้ ไม่เห็นเลยทั้งวันเป็นปกติของโลภะเป็นความติดข้องเพราะไม่รู้ แล้วกว่าความไม่รู้ และยึดถือสภาพธรรมะว่าเป็นเรา จะปรากฏให้รู้ว่าขณะนั้นไม่ได้รู้ความจริง และถ้าสัมมาสติจะเกิดโดยไม่มีความเข้าใจอะไรเลยทั้งสิ้นสัมมาสติจะเกิดได้ไหม พอลืมตาก็ให้สัมมาสติเกิดต่อได้มั้ย ไม่มีทางเป็นไปได้เลย ผู้เริ่มฟังปฏิบัติได้ไหม

        อ.วิชัย ยังไม่เข้าใจเลยก็ปฏิบัติไม่ได้เลย

        ท่านอาจารย์ เข้าใจเล็กน้อยปฏิบัติได้ไหม เพราะฉนั้นเข้าใจนิดหน่อยแค่ฟังว่าขณะนี้เห็นจักขุวิญญาณรู้อะไร รู้รูปารมณ์ ทางตาให้รู้นั่น ทางหูให้รู้นี่ อย่างนี้จะเป็นปฏิบัติหรือเปล่า อยู่ดีๆ ขณะนี้เห็น และให้รู้ที่เห็นอย่างนี้ นี่หรือเข้าใจ เข้าใจอะไร จะไปรู้ที่เห็นได้อย่างไร ใครรู้ ก็เดี๋ยวนี้ก็รู้ว่าเห็น แต่ก็ไม่รู้อะไรเลย แล้วก็บอกให้รู้ที่เห็น แล้วอย่างไร นี่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือไม่ได้ยินแล้วก็ไม่ได้เข้าใจแต่ละคำด้วย เพราะฉะนั้นประมาทไม่ได้เลย ใครเป็นผู้ตรัสความจริงคืออะไร กำลังเห็นเดี๋ยวนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร

        อ. วิชัย ตรัสรู้เห็น

        ท่านอาจารย์ ก็ต้องตรัสรู้เห็น และถ้าไม่รู้เห็น แล้วก็จะไปละการเข้าใจว่าเราเห็นได้อย่างไร มิฉะนั้นไม่เชื่อว่าเป็นการการตรัสรู้ค่ะ ทรงแสดงความจริงของเห็นว่าอย่างไร ทั้งๆ ที่กำลังเห็น มีสิ่งที่ถูกเห็น ก็ยังไม่รู้ว่าเห็นเป็นธาตุรู้ที่เกิดขึ้นเห็นสิ่งที่เพียงปรากฏให้เห็นได้

        เพราะฉะนั้นกว่าจะเป็นอย่างนี้ อาศัยการฟังพระธรรมอีกนานเท่าไหร่ ซึ่งต้องเป็นผู้ตรง ไม่มีเราจะไปเพียร จะไปพยายามด้วยความเป็นตัวตน เพราะนั่นคือมิจฉามรรค โลภะความต้องการเป็นมิจฉามรรค แต่ปัญญาที่เกิดขึ้นค่อยๆ เข้าใจความจริง ตรง เดี๋ยวนี้ว่าขณะนี้กำลังฟังเรื่องเห็น ฟังมานานแล้วด้วยเรื่องเห็น ได้ยินว่าเห็นเป็นสภาพรู้มีจริงๆ กำลังเห็น ก็เข้าใจคำทุกคำแต่ไม่รู้จักเห็นที่กำลังเห็นเลย เพราะเหตุว่านี่เป็นเพียงขั้นฟัง แต่ถ้าไม่มีขั้นฟังเลย ไม่มีทางที่ ปฏิปัตติ ซึ่งเป็นสภาพธรรมะซึ่งได้แก่มรรคมีองค์๘ จะเกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นก็เป็นผู้ที่ละเอียดเพื่อที่จะได้เข้าใจถูก แล้วก็ได้เห็น ได้รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพิ่มขึ้นทีละเล็กที่ละน้อยจากการฟังว่านี่คือสิ่งที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ให้สาวกที่เข้าใจธรรมะละความติดข้อง และความเห็นผิดที่ยึดถือทุกสิ่งทุกอย่างว่าเป็นเราโดยไม่รู้เลย จนกระทั่งสามารถที่จะรู้ความจริงอย่างที่ได้ทรงตรัสรู้แต่ในฐานะของสาวก นี่ก็เป็นความต่างกันมากของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ากับสาวก

        เพราะฉะนั้นผู้ที่เป็นสาวกคือผู้ที่ฟังแล้วเข้าใจคำซึ่งเข้าใจยากเพราะกล่าวถึงสิ่งที่มีจริงซึ่งไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนเลย ใหม่ใช่ไหมคะ หลังจากที่ได้ตรัสรู้แล้วจึงได้ตรัสคำใหม่ๆ เหล่านี้ให้คนที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังเลยได้เริ่มเข้าใจ เพราะฉะนั้นก็เป็นการอบรมเป็นผู้ตรงที่จะรู้ว่าการฟังพระธรรมเพื่อเข้าใจถูกตามความเป็นจริงของสิ่งที่กำลังมี และก็เป็นผู้ตรงที่จะรู้ว่าเข้าใจแค่ไหน และก็ต้องรู้ความต่างด้วย ว่าขณะนี้แม้กำลังพูดถึงเห็นเกิดขึ้น และดับไป ก็ไม่ได้ประจักษ์การเกิดขึ้น และดับไปของเห็นเลย แต่เป็นจริงหรือเปล่า หรือความจริงเป็นอย่างอื่น ถ้าความจริงเป็นอย่างนี้รู้อื่นได้ไหม นอกจากรู้สิ่งที่กำลังปรากฏ นายช่างเก่งนะคะ รู้จักนายช่างหรือยังคะ นายช่างผู้สร้างเรือน กำลังเห็น เห็นแน่ๆ นายช่างมาหรือยัง แม้แต่คำว่านายช่างผู้สร้างเรือนก็ต้องรู้ว่านายช่างไหน สร้างเมื่อไหร่ แล้วเรือนอยู่ไหน เห็นแล้วจริง แต่ว่านายช่างไม่ปล่อย มีความติดข้อง สร้างต่อไปอีก จากเห็นซึ่งดับแล้ว ก็มีความติดข้องพอใจในความเป็นเราเห็น นายช่างไม่เคยรอเลยนะคะ ไม่ว่าอะไรปรากฏ ช่างมาแล้ว ช่างพร้อม ช่างสร้างทันที

        เพราะฉะนั้นแต่ละคำต้องเข้าใจ ไม่ใช่เพียงแต่ผ่านไป แล้วก็ไม่เข้าใจความต่างกันของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากับคนที่ไม่ใช่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้แต่จะเข้าใจแต่ละคำโดยละเอียดขึ้น เพียงฟังว่าตัณหาเป็นนายช่างผู้สร้างเรือนก็อิ่มอก อิ่มใจ พอใจ ว่ารู้จักนายช่างผู้สร้างเรือนว่าเป็นตัณหา ไม่ใช่อย่างนั้น ต้องเมื่อไหร่แค่เห็น มาแล้ว ช่างสร้างต่อไปอีก ได้ยินนายช่างก็มา และก่อสร้างต่อไปอีก เพราะฉะนั้นนายช่างผู้สร้างเรือนสร้างไปเรื่อยๆ จนกว่าปัญญาสามารถที่จะเห็นว่าใครที่สร้างสังสารวัฎฎ์ทำให้มีการเกิดขึ้นของสภาพธรรมะไม่จบ แต่ถ้าไม่รู้จักนายช่างไม่มีทางค่ะ เพราะเป็นช่างเก่งแค่ไหน สร้างได้ สร้างภพสร้างชาติ ฟังแค่นี้หมดกิเลสได้ไหม เพราะฉะนั้นไม่ใช่เรา แต่เป็นความเข้าใจ ตามลำดับขั้น ตั้งแต่ขั้นฟังเพราะเป็นคำที่ลึกซึ้ง แต่ว่าเป็นวาจาสัจจะ คำจริงซึ่งเปลี่ยนไม่ได้ เพราะว่าเป็นการตรัสรู้ความจริงถึงที่สุด ถึงที่สุดแล้วเปลี่ยนไม่ได้ เพราะฉะนั้นตรงกันข้ามกันเลยนะคะ ความติดข้องความพอใจความต้องการ กับการเห็นถูกเข้าใจถูกในความไม่เที่ยงในความมีปัจจัยเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป แค่นี้ฟังห่างๆ เห็นเกิดแล้วดับ เข้าใจ เพราะเวลาได้ยินเกิด ไม่มีเห็น ได้ยินดับ ห่างมากเลย ระหว่างเห็นกับได้ยิน เป็นช่องทางของนายช่างระหว่างนั้นที่จะเกิดขึ้น ก็ไม่รู้ค่ะ

        เพราะฉะนั้นความไม่รู้กับปัญญานี้ตรงกันข้าม โลภะความติดข้องต้องตรงกันข้ามกับปัญญา เพราะปัญญารู้จึงละ ไม่มีอะไรทีจะไปละความไม่รู้ และความติดข้องได้นอกจากปัญญาความเห็นถูกความเข้าใจถูก ในอะไร ไม่ใช่บอกว่าเพียงความเห็นถูกความเข้าใจถูก แต่เห็นอะไรถูก เข้าใจอะไรถูก ก็เห็นสิ่งที่กำลังปรากฏขณะนี้ถูกต้องตามความเป็นจริงของสิ่งนั้น เข้าใจอะไรถูก ก็เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริงของสิ่งนั้น

        เพราะฉะนั้น ฟังเพื่อให้รู้จักความจริง ไม่รู้คือไม่รู้ ค่อยๆ เข้าใจคือค่อยๆ เข้าใจ มีสิ่งที่กำลังปรากฏเป็นเครื่องให้รู้ว่า เข้าใจแค่ไหน ทุกคนตอบเองได้เลยใช่ไหมคะ เดี๋ยวนี้เห็นกำลังปรากฏเข้าใจแค่ไหน


    หมายเลข 10502
    9 ก.พ. 2567