กรงแห่งสงสาร


        สังสารวัฏฏ์เหมือนกรงขนาดใหญ่ที่ยากยิ่งที่จะออกไปได้ และความเห็นผิดก็เหมือน คุกในกรง ดังนั้นจึงควรอบรมปัญญาด้วยการศึกษาพระธรรมจนกว่าจะออกจากกรงนี้ ไปได้


        ท่านอาจารย์ ทุกคนกำลังอยู่ในสังสารวัฏฏ์ กรงของสังสารวัฏฏ์ กรงของกิเลส ใหญ่มาก เพราะว่าวันนี้อยู่ที่นั่นทั้งวัน ตั้งแต่ลืมตามา ไม่ได้เคยออกไปจากกรงของสังสารวัฏฏ์ของโลภะเลยตั้งแต่เช้ามาก็อยู่ในกรงนั้น สุขสบายก็อยู่ในกรง ทุกข์ก็อยู่ในกรง กรงนี้กว้างขวางมาก แล้วแต่ว่าจะอยู่ตรงไหน จะอยู่ที่โลกนี้ หรือจะอยู่ที่เทวโลก หรือจะอยู่ที่พรหมโลก หรือจะอยู่ที่อรูปพรหมโลก ก็คือกรง ซึ่งจะต้องเป็นอย่างนั้น ออกไปไม่ได้ ยังไม่พอ ยังมีคุกของความเห็นผิดในกรงนั้นอีก แล้วจะอยู่ตรงไหนดี จะออกมาจากคุกของความเห็นผิด ค่อยๆ เข้าใจขึ้นๆ หรือว่าอยู่ในความเห็นผิดนั้นต่อไปอีก

        นี่ก็เป็นสิ่งซึ่งเห็นความลึกซึ้งอย่างยิ่งของแต่ละขณะซึ่งเกิดดับเป็นปกติ ซึ่งไม่มีใครสามารถที่จะอนุเคราะห์ให้เข้าใจถูกต้องได้ ถ้าผู้นั้นไม่ได้ทรงตรัสรู้ความจริงซึ่งเปลี่ยนแปลงไม่ได้เลย ความจริงกำลังเป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้นถึงขณะนี้รู้ไม่ได้ แต่ก็ขอให้เป็นเหมือนบุคคลในครั้งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามทีปังกร ซึ่งพยากรณ์สุเมธาดาบสว่าในกาลข้างหน้าสุเมธะดาบสอีก ๔ อสงไขยแสนกัป จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คนฟังไม่ได้หวังเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างสุเมธะดาบส แต่ก็ปีติยินดีที่ถ้าไม่สามารถที่จะเข้าถึงความจริงของสภาพธรรมในสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่าทีปังกร แต่ก็ยังมีสุเมธดาบสนี้แหละในกาลข้างหน้า อีก ๔ อสงไขยแสนกัป จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เขาก็ยังมีโอกาสได้ฟัง แล้วเราขณะนี้ จะรู้อริยสัจธรรมวันนี้ จะถึงนิพพานวันนี้ จะเอากิเลสที่สะสมมาแสนโกฎกัปออกไปได้อย่างไร นอกจากเพิ่มขึ้น

        เพราะฉะนั้นความหมายของกัลยาณมิตรผู้หวังดีสูงสุดคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่หวังร้ายกับใครเลย เพราะรู้ว่าหวังร้ายทำไม ทุกคนกำลังอยู่ในกรงของกิเลสซึ่งออกไปไม่ได้ แล้วจะมารบราฆ่าฟันทำไมกัน นอกจากช่วยกันสงเคราะห์กันให้มีความเข้าใจถูก จะได้ออกจากกรงไปเสีย แต่ก็ต้องแล้วแต่ กรงมีหลายชั้น อยู่ในกรงที่สบายก็มี อยู่ในคุกก็มี ก็แล้วแต่ ทั้งหมดนี้เป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะว่าคำๆ เดียวไม่พอที่จะให้สลดใจ เพราะฉะนั้นถ้ายังไม่สนใจที่จะรู้จิตในขณะนี้ว่าเน่าอย่างไร สกปรกอย่างไร ดำมืดอย่างไร เพราะฉะนั้นการฟังพระธรรมก็จะไม่เข้าใจความจริง

        อ.อรรณพ แต่ว่าโลภะ จะไม่เห็นความเน่าเหม็น

        ท่านอาจารย์ จะเห็นได้อย่างไร ตื่นมาก็เป็นทาสของโลภะทุกขณะ ไม่รู้ตัวมีนายใหญ่ทุกขณะ แล้วก็เก็บกิเลสเดี๋ยวนี้เอง เห็นไม่รู้ ก็กิเลสแล้ว เพราะฉะนั้น พระธรรมเพื่อให้เข้าใจ ไม่ใช่เราจะได้ละกิเลสจนกว่าไม่มีเรา คือ ถูกต้อง ความเข้าใจต่างหากที่ละ เใครที่ไหนจะละ ปัญญาคือความเห็นถูกความเข้าใจถูก ไม่ใช่พูดแค่นี้ เห็นอะไรถูก เข้าใจอะไรถูก ต้องละเอียด เห็นอะไรถูกเข้าใจอะไรถูก เดี๋ยวนี้มีอะไรไม่ใช่เรา แต่มีสิ่งที่กำลังปรากฏ


    หมายเลข 10500
    29 ก.พ. 2567