กำลังยกเสาหิน


        ความยึดถือว่าเป็นเรา และอกุศลๆ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นเหมือนเสาหินที่หนักมาก แต่จะค่อยถูกยกออกไปด้วยการอบรมเจริญปัญญาอย่างต่อเนื่องยาวนานเพื่อรู้ลักษณะสภาพธรรมตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นการค่อยๆ สงัด และสละการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน


        ท่านอาจารย์ แต่ละคำเพื่อถึงอริยมรรค ถ้าไม่เข้าใจตั้งแต่ต้น จะไม่เป็นทางให้รู้สภาพธรรมะที่กำลังปรากฏ ตั้งแต่คำแรก และต่อไปเรื่อยๆ รู้ไหมว่า ตอนไหน เหมือนที่ท่านอุปมาว่า มีเสาหินหนักมาก ต้องใช้คนหลายคนช่วยกันยกจึงจะยกขึ้นได้ ยกขึ้นแล้ว ใครยกตรงไหน เหมือนขณะนี้ไหม สติขณะที่กำลังได้ยินได้ฟังแล้วเข้าใจสิ่งที่มีในขณะนี้ทีละเล็กทีละน้อยนี้เองจะนำไปสู่การเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมะที่กำลังปรากฏ จนสามารถประจักษ์แจ้งความจริงของสภาพธรรมะได้

        เพราะฉะนั้น เดี๋ยวนี้ ขณะไหน กำลังยกเสาหินแต่ละขณะๆ จนกว่าจะยกขึ้น แล้วจะรู้ไหมว่า เมื่อไรจะถึงกาลที่เสาหินจะถูกยกขึ้น แต่ก็ต้องยกมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ขั้นฟัง ถ้าไม่ฟังเข้าใจ อกุศลที่เหมือนเสาหิน ไม่ทราบจะอุปมาอย่างไร ไม่มีใครคิดถึงเลย คิดถึงแต่จะเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏ ทำอย่างไรจะประจักษ์การเกิดดับ แต่สภาพธรรมะที่เป็นอกุศลมากมายมหาศาลที่จะยกออกไปได้ด้วยอะไร

        เพราะฉะนั้น แม้แต่ความเข้าใจทีละเล็กทีละน้อย ก็บอกไม่ได้เลยว่า ช่วยกันมาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่เริ่มฟังแล้วสืบต่อๆ กันไป จนสามารถเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมะกำลังปรากฏในขณะนี้ได้ จะไปเอาตอนไหน เอาเมื่อวานนี้ หรือวันนี้ หรือตอนที่สติเกิด ตอนที่รู้ลักษณะของความรู้สึก หรือจะเป็นตอนที่เข้าใจลักษณะของสภาพแข็ง ทั้งหมดประกอบกันที่สามารถยกเสาหินขึ้นได้ เพราะว่าหนักมาก และต้องเริ่มจริงๆ และต้องเพียรจริงๆ ช่วยกันทุกขณะ เป็นสังขารขันธ์ปรุงแต่งไป จะขาดสักขณะหนึ่งไม่ได้ จึงเป็นส่วนประกอบทั้งหมดของคุณธรรมที่สามารถทำให้กิเลสที่หนักอยู่ในจิตหมดสิ้นไปได้ สงัดจากสิ่งที่กำลังปรากฏ เพราะรู้ความจริง ไม่ยึดถือสิ่งที่ปรากฏว่า เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เที่ยง

        แค่นี้ใช้เวลานานไหมที่จะอบรม วิเวกทัสสี กำลังเห็น เข้าใจคำนี้ไหม ถ้ายังไม่สงบ สงัดเพราะเข้าใจถูกต้อง และละการยึดถือว่า เห็นนี้เป็นแต่เพียงธาตุที่เกิดขึ้นเห็นแล้วดับ ไม่มีทางเข้าใจประโยคนี้เลยว่า วิเวกทัสสี ผัสเสสุ ขณะนี้สภาพธรรมะกำลังปรากฏทุกขณะที่มีการกระทบ กำลังเห็น ผัสสเจตสิกกระทบอยู่ตลอด ดับแล้วก็ให้เห็นอีกๆ ทางหู ถ้าไม่มีผัสสเจตสิกกระทบ ได้ยินก็เกิดไม่ได้ แล้วได้ยินเท่าไร เหมือนได้ยินตลอด

        เพราะฉะนั้น วิเวกยังไม่ได้ละคลายการยึดถือสภาพนั้นๆ ทางตาที่กำลังเห็นว่า เป็นแต่เพียงธรรมะซึ่งไม่ใช่เรา

        เพราะฉะนั้น ใครจะเข้าใจความหมายนี้ก็ต่อเมื่อกำลังค่อยๆ สงัด ค่อยๆ สละ ค่อยๆ ไม่ติดข้องเพราะเข้าใจความจริงของสภาพธรรมะที่กำลังปรากฏ แล้วมาจากไหน ถ้าไม่มาจากการฟังเข้าใจจริงๆ แล้วสภาพธรรมะทั้งหลายเกิดขึ้นช่วยกันทุกขณะให้มีความเห็นถูก เข้าใจถูก จนกระทั่งสละการยึดถือสภาพที่กำลังปรากฏปรากฏได้ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน เมื่อไร

        นี่คือพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมซึ่งได้ตรัสไว้ดีแล้ว ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้ว่า ทั้งหมดมาจากฟังเข้าใจตั้งแต่ต้น

        อ.อรรณพ กำลังช่วยกันยกเสาหินอย่างไร

        ท่านอาจารย์ ไม่อย่างนั้นจะหาใครมายก คิดว่ามีคนหลายๆ คนมาช่วยกัน เอาคนมาจากไหน เห็นนี้คือเสาหิน เมื่อไรจะละคลาย เมื่อไรจะยกขึ้น เมื่อไรจะหมดความเป็นเราที่กำลังเห็น

        อ.อรรณพ เสาหินทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

        ท่านอาจารย์ ทุกอย่างหมดเลย อกุศลทั้งหลายที่สะสมอยู่

        อ.อรรณพ อกุศลทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

        ท่านอาจารย์ ไม่มีทางกำจัดได้เลย ถ้าไม่เข้าใจพระธรรม กิเลสอยู่ที่ไหน กำลังเห็นนี้ ไม่รู้ความจริง ยังไม่สละการที่ธาตุรู้เกิดขึ้นเห็นว่า ไม่ใช่เรา แล้วเป็นไปได้เมื่อเข้าใจขึ้น


    หมายเลข 10325
    31 ธ.ค. 2566