การเล่นพนัน ผิดศีลข้อไหนครับ

 
Suppachai
วันที่  26 พ.ค. 2553
หมายเลข  16339
อ่าน  70,957

สวัสดีครับ ผมอยากทราบว่าการเล่นพนันผิดศีลข้อไหนครับ ศีลในที่นี้คือศีลห้านะครับ เพราะคิดแล้วไม่ทราบว่าจัดอยู่ที่ข้อไหนเลย จึงขอเรียนถามเพื่อเป็นวิทยาทานครับเพราะเพื่อนๆ หลายคนก็สงสัยอยากทราบเหมือนกันครับ

กราบขอบพระคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 26 พ.ค. 2553

ขอเรียนว่า การเล่นการพนัน ไม่ผิดศีลห้า แต่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแสดง การเล่นการพนันว่า เป็นอบายมุข เป็นทางเสื่อมแห่งโภคทรัพย์ และเสื่อมจากคุณธรรมอื่นๆ ด้วย ดังนั้น ถึงแม้การเล่นการพนันจะไม่ผิดศีลห้า แต่ไม่ได้หมายความว่าควรเล่นนะครับ แม้ไม่ผิดศีลก็ไม่ควรเล่น เพราะจะทำให้ทรัพย์พินาศผู้ที่ติดการพนันย่อมไม่เจริญทั้งทางโลกและทางธรรมครับ และพระอริยเจ้าทั้งหลายท่านเว้นจากอบายมุขทั้งปวง ผู้ที่หวังความเจริญควรเว้นเป็นผู้ประพฤติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 26 พ.ค. 2553

"ถึงแม้การเล่นการพนันจะไม่ผิดศีลห้า แต่ไม่ได้หมายความว่าควรเล่นนะครับ แม้ไม่ผิดศีลก็ไม่ควรเล่น เพราะจะทำให้ทรัพย์พินาศ ผู้ที่ติดการพนัน ย่อมไม่เจริญทั้งทางโลกและทางธรรม"

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
choonj
วันที่ 27 พ.ค. 2553

ผมยังคิดว่าการเล่นการพนันผิดศีลข้อที่ ห้า คือการดื่มสุรา เป็นที่ตั้งของความประมาท การเล่นก็เป็นที่ตั้งของความประมาท ศีลข้อที่ห้าจึงน่าจะเป็นเววจนะ คือมี พยัญชนะต่างกันแต่มีความหมายเหมื่อนกัน ผิดถูกอย่างไร ขอความกรุณา ที่ว่าไม่เจริญทางโลกและทางธรรมนั้น เมื่อเล่นอยู่และกรรมให้ผลคือสิ้นทรัพย์ ก็จะเกิดทุกข์ เมื่อมีทุกข์ก็จะเป็นปัจจัยให้เกิดศรัทธา ทำให้มีการศึกษาธรรม ส่วนที่ศึกษาอยู่แล้วและเล่นอยู่ธรรมก็ไม่เจริญ อย่างไร ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 27 พ.ค. 2553

การเล่นการพนัน ถึงจะเล่นได้เิงินมากมาย แต่ทรัพย์ที่หามาได้ เป็นเงินร้อน ผู้ชนะย่อมก่อเวร ผู้แพ้เป็นทุกขฺ์เสียใจ และเป็น เหตุให้ล่วงศีลห้าได้ เช่น การพูดโกหก ฯลฯ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Suppachai
วันที่ 27 พ.ค. 2553

กระผม และ เพือนๆ ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
prachern.s
วันที่ 27 พ.ค. 2553

เรียนความเห็นที่ ๓

ศีลข้อที่ ๕ เกี่ยวกับการดื่มน้ำเมา การพนันไม่ใช่น้ำเมาครับ และพูดถึงผู้ที่ติดการพนันการงานทางโลกก็เสีย การงานทางธรรมก็เสียเหมือนกัน ชื่อว่าหันหลังให้พระสัทธรรม ไม่เจริญด้วยคุณธรรมเบื้องสูง มีฌานและมรรค เป็นต้น

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
paderm
วันที่ 27 พ.ค. 2553

เรียนความเห็นที่ 3

ศีลข้อ 5 คือการงดเว้นจากการดื่มสุราเมรัย ศีลข้อ 5 ไม่ใช่การงดเว้นจากความประมาท หากไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับการดื่มสุรา ของมึนเมาแล้วจะจัดอยู่ในศีลข้อ 5 ไม่ได้ จึงต้อง เข้าใจให้ถูกครับว่า ศีลข้อ 5 คืออะไร เพราะฉะนั้นการที่สิ่งใดที่ทำให้ตั้งอยู่ในความ ประมาท ไม่ได้หมายความว่าจะต้องผิดศีล ข้อที่ 5 เพราะศีลข้อ 5 มุ่งหมายถึงเรื่องการ ดื่มสุราครับ

คำกล่าวที่ว่าการเล่นการพนันทำให้เกิดทุกข์และทำให้มาสนใจธรรม คงต้องรู้ก่อนครับว่าการสนใจธรรมเพราะอะไร ไม่ใช่เพราะทุกข์ แต่เพราะการสะสม มาในอดีตที่เคยเป็นผู้สนใจธรรมมา ชาติปัจจุบันเมื่อมีเหตุปัจจัยจึงสนใจธรรมอีก คนที่ เป็นทุกข์แต่ไม่สนใจธรรมมีมากมาย คนที่ไม่ทุกข์แต่หันมาศึกษาธรรมมีมากมายครับ การพนันเป็นเหตุแห่งความเสื่อม ไม่ใช่เหตุให้สนใจพระธรรม และความทุกข์ใจเป็น อกุศลจิต เป็นเหตุที่ไม่ดี ความสนใจพระธรรมจึงเป็นเรื่องของการสะสมมาในอดีตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
choonj
วันที่ 27 พ.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
mikemongo1
วันที่ 27 พ.ค. 2553

“พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแสดง การเล่นการพนันว่า เป็นอบายมุข เป็นทางเสื่อมแห่งโภคทรัพย์ และเสื่อมจากคุณธรรมอื่นๆ ”

เมื่อเสียทรัพย์ย่อมเสียดาย อาจเป็นเหตุให้ผิดศีลข้อที่สอง (ลักทรัพย์) ข้อที่หนึ่ง (ฆ่าเจ้าทรัพย์) ข้อที่สาม (แย่งของรักที่ผู้อื่นไม่ได้ให้) เมื่อถูกจับได้ก็มักปฏิเสธ จึงผิดศีลข้อที่สี่ (มุสา) และข้อที่ห้า (ขาดสติ) จึงเป็นเหตุให้เสื่อมจากคุณธรรมดังกล่าว

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 27 พ.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
h_peijen
วันที่ 30 พ.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
วิริยะ
วันที่ 1 มิ.ย. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
jaran
วันที่ 2 มิ.ย. 2553

สรุปว่าการเล่นการพนันไม่ผิดศิล 5 แต่ก็มีโอกาสที่จะทำให้ผิดศีลทุกข้อได้ครับ

ขอขอบคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
chaiyakit
วันที่ 30 มิ.ย. 2553

ขอขอบคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
choonj
วันที่ 30 มิ.ย. 2553

ผมยอมรับว่าเคยเป็นนักเล่นการพนันตัวยง และก็จริงอย่างนั้น เมื่อสิ้นกาลสมบัติโชคลาภไม่มี ก็เสื่อมจากโภคทรัพย์ เสื่อมจากคุณธรรม ผู้ไม่รู้ไม่มีประสพการณ์ย่อมไม่เห็นถึงอันตรายนี้ และก็ไม่ใช่จะหยุดเล่นได้ง่ายๆ เพราะสังสมไว้แยะเป็นเวลาหลายสิบปี แต่ขณะนี้กลับกลัวว่าชาติหน้านิสัยการเล่นจะตามไป เพราะตามมาแล้วในชาตินี้ จึงมีความพอใจที่จะสั่งสมความไม่ประมาทในการเล่นพนันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อว่าชาติหน้าถ้าได้เกิดเป็นคนจะได้เกียจและไม่เล่นการพนัน เป็นงานที่ใหญ่มาก ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
wolve
วันที่ 16 ก.ค. 2553

ผมขอกล่าวเกี่ยวกับการพนันหน่อยนะครับ จากประสบการ์ณที่ผมจะไม่ลืมตลอดชีวิต การพนันได้ทำลายคุี๊ณค่าของชีวิตของผมไปแล้ว สิ่งที่โดนทำลาย ได้แก่่

1. เสียเวลาและโอกาส ในการคิดถึงเรื่องพนัน แทนที่เป็นเรื่องการทำงานที่เป็นเรื่องที่ควรคิด เพราะกังวลเรื่องเงิน ที่เอาไปเล่น

2. ทำลายจิตใจดีๆ จากการที่เคยเป็นคนที่จิตใจดี ไม่โกรธใคร กลายเป็น คนที่ร้อนรน ทรมาน อยากได้คืนก็เอาคืนไม่ได้ หงุดหงิด จิตใจหยาบขึ้น

3. ขัดแย้งกับแนวคิดของการทำงานอย่างสิ้นเชิง การทำงานยิ่งขยันยิ่งได้ ขี้เกียจอด ทำลายระบบในการพยายามทำงานอย่างชัดเจน คือ ตั้งใจเล่นการพนันอย่าง เอาเป็นเอาตาย แต่ก็แพ้ พยายามแค่ไหน ไม่สำเร็จ แทงมั่ว ไม่พยายาม แต่ถูก ความสำเร็จได้มาอย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องทำไร ผมได้รู้ซึ้งแล้วว่า คนทำงานหาเงินที่ดีเขาไม่เล่นพนันกัน

ใครคิดว่าการพนันเป็นเรื่องผิวเผิน เล่นนิดเดียวเอง ขอให้ตระหนักให้ดีนะครับ ตราบใดก็ตามที่เราอยากได้คืน และไม่ชอบแพ้ (พยายาม) อาจจะนำคุณสู่หายนะ ได้ ใครคิดว่าตังไม่พอ แล้วต้องแทงเพื่อหาเงินเท่านั้น ขอให้คิดใหม่ครับ คุณอาจจะแพ้มากๆ กว่าเดิม เหมือนผมก็ได้ (แพ้กว่าเดิม 2.5 เท่า)

ตอนนั้น ไม่มีทางออกเลย แสงริบหรี่ แค้นตัวเอง แค้นโชคชะตา บางครั้งใจหลุดลอย บางทีก็มีแนวคิดแปลกๆ อยากตายให้มันพ้นๆ หรืออยากเห็นเรื่องอะไรมาเกิดการพินาศให้หมด

ตอนนี้ผมรู้สึกเป็นบุญมาก ที่ยังกลับมาได้ ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ที่ดลใจบางสถานการ์ณ ให้ผมรอด (มีคนเอาเงินมาให้ผม เป็นเงินที่มากพอ ทำให้ผมยืนได้) ผมไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน ใครไม่เชื่อผมก็ไม่เปนไร หากจะไปลองให้พินาศก่อน ขอบคุณครับสำหรับความเห็นที่ดีๆ ผมอ่านแล้วเห็นด้วยมากๆ

ขอบคุณที่อ่าน

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
พรรณี
วันที่ 17 มิ.ย. 2554

ขออนุโมทนากับคุณ Wolve ความเห็นที่ ๑๖

ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม และตนก็เป็นที่พึ่งของตน อย่างแท้จริง กิเลส เป็นที่พึ่งไม่ได้แน่ ทุกคนมีค่ะ แต่จะยับยั้งได้มากน้อยแค่ไหน ก็อยู่ที่สติปัญญาของผู้นั้นเอง การฟังพระธรรมช่วยเกื้อกูลได้มากกว่าอะไรทั้งหมด เปรียบเสมือนเราเติมน้ำใสลงไปในแก้วที่มีน้ำขุ่นอยู่ ถ้าได้เติมบ่อยๆ น้ำที่ขุ่นก็คงต้องจางลงสักวันอย่างแน่นอน ถ้าเห็นทุกข์ได้เราก็ไม่โง่แล้วละค่ะ ค่อยๆ ขัดเกลาลงไป ปัญหามาปัญญามี ใช่ไหมคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
lovedhamma
วันที่ 26 ธ.ค. 2554

ขออนุโมทนากับ ความคิดเห็นที่ 16 ครับ ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม อย่างแท้จริง

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
chatchai.k
วันที่ 5 ต.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ