เป็นใหญ่แต่ละอย่าง


        อ.นิภัทร มีคนเขาถามผมว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมีใจเป็นใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จ แล้วด้วยใจ หรือมีใจเป็นใหญ่ กับทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรม มันเหมือนกันไหม เขาถาม

        ท่านอาจารย์ ก็ต้องเริ่มต้นว่า เมื่อทุกอย่างเป็นธรรม ธรรมหลากหลาย แล้วก็กว้างขวาง เพราะไม่ใช่อย่างเดียว เป็นทุกอย่าง เพราะฉะนั้น ทุกอย่างเป็นธรรม เมื่อประมวล แล้วก็มีสภาพที่ต่างกัน ๒ อย่างใหญ่ๆ ก็คือ สภาพธรรมที่มีจริง แต่ไม่สามารถจะรู้อะไรได้เลย มีไหมคะ มี แล้วอีกประเภทหนึ่ง อีกสภาพธรรมหนึ่งก็เป็นสภาพรู้ หรือธาตุรู้ เพราะเหตุว่าถ้าไม่มีสภาพรู้ หรือธาตุรู้ มีแต่รูปธรรม คือ ธรรมที่ไม่สามารถจะรู้อะไรได้เลย ในทางพระธรรมใช้คำว่า รู ปะ รูปธรรม ไม่สามารถจะรู้อะไรได้เลย ถ้าไม่มีสภาพรู้ มีแต่รูปธรรม จะเดือดร้อนอะไรหรือเปล่าคะ ฝนจะตก น้ำจะท่วม ก็เป็นรูปทั้งหมด แต่ไม่มีใครรู้ ใครเห็น ไม่มีความลำบากไม่มีการคิดใดๆ เกิดขึ้นเลย

        อ.นิภัทร ก็ไม่เดือดร้อน

        ท่านอาจารย์ ก็ไม่เดือดร้อน เพราะฉะนั้น สภาพธรรมที่เป็นนามธรรมกับรูปธรรม เพียงแค่ ๒ อย่างนี้ก่อน อะไรเป็นใหญ่

        อ.นิภัทร ก็นามธรรมเป็นใหญ่

        ท่านอาจารย์ นามธรรมเป็นใหญ่ ในห้องนี้มีรูปซึ่งเกิดจากการประดิษฐ์วิจิตรของจิตไม่สิ้นสุด เพราะความวิจิตร ไม่ว่าจะเป็นจิตรกรรม หรือว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทางวิทยาศาสตร์ สถาปัตย์ การแพทย์หรืออะไรทั้งหมด แม้แต่คอมพิวเตอร์ที่คิดว่า สมัยนี้ยุคนี้เจริญมาก ถ้าไม่มีจิตที่วิจิตรที่จะทำให้เกิดขึ้น สิ่งนั้นๆ จะเกิดขึ้นได้ไหมคะ

        อ.นิภัทร ไม่ได้

        ท่านอาจารย์ ไม่ได้ เพราะฉะนั้น จิตก็เป็นใหญ่กว่ารูป ซึ่งเป็นรูปธรรม แล้วนามธรรมก็มี ๒ อย่าง ไม่ใช่มีอย่างเดียว นามธรรมที่เกิดขึ้นมี ๒ อย่าง คือ นอกจากจิตซึ่งเป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้ กำลังเห็น กำลังได้ยินขณะนี้เป็นจิตทั้งหมด นอกจากจิต แล้วก็ยังมีสภาพธรรมซึ่งเป็นนามธรรม ซึ่งเกิดกับจิต ใช้คำว่า เจ ต สิ กะ หรือ เจตสิก ในภาษาไทย หมายความถึงสภาพธรรมที่ต้องเกิดกับจิต จะเกิดนอกจิตไปไม่ได้เลย ต้องอาศัยเกิดขึ้นในจิต เจตสิกก็เกิดกับจิต ใครเป็นใหญ่

        อ.นิภัทร จิตเป็นใหญ่

        ท่านอาจารย์ แต่ความจริงเมื่อศึกษาต่อไปก็จะมีความเป็นใหญ่ในอีกหลายลักษณะ ไม่ใช่แต่เฉพาะจิตเท่านั้น ซึ่งเป็นมนิมทรีย์ เป็นใหญ่ในการรู้แจ้งสิ่งที่ปรากฏให้รู้ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ แต่สภาพธรรมอื่นก็เป็นใหญ่ก็มี เช่นปัญญา จิตไม่สามารถจะเข้าใจถูก เห็นถูกในสิ่งที่กำลังปรากฏ จิตเพียงเห็น แต่การที่จะฟังเข้าใจขณะที่เข้าใจไม่ใช่เรา แต่เป็นเจตสิกซึ่งสามารถรู้ถูก เข้าใจถูกได้ ขณะนั้นเป็นปัญญาเจตสิก

        เพราะฉะนั้น ปัญญาเจตสิกเป็นใหญ่ในการรู้ถูก ในการเห็นถูก แต่ตัวจิตเป็นใหญ่ในการรู้แจ้งอารมณ์ ขณะใดที่เจตสิกทั้งหลายเกิดร่วมกับจิต แม้แต่ปัญญาเจตสิกซึ่งเป็นใหญ่ก็ต้องเกิดกับจิต ในขณะนั้นก็ทำให้จิตสามารถที่จะรู้แจ้งชัดในอารมณ์ ซึ่งปัญญากำลังมีความเห็นถูก เข้าใจถูกในสิ่งนั้นได้

        เพราะฉะนั้น ธรรมก็เป็นเรื่องที่จะต้องศึกษาโดยละเอียดๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ

        อ.นิภัทร ที่ว่าจิตเป็นใหญ่ หมายความว่าเป็นใหญ่ในทางที่รู้แจ้งอารมณ์

        ท่านอาจารย์ ถูกต้องค่ะ

        อ.นิภัทร ข้อความอย่างนี้ก็มีอยู่ในพระไตรปิฎกที่ว่า สิ่งทั้งหลายอยู่ภายใต้อำนาจของธรรมชาติอย่างหนึ่ง คือจิต จิตตัสสะ เอกธัมมัสสะ สัพเพ ว วัสสมัน วคู ทุกอย่างตกอยู่ภายใต้อำนาจอย่างหนึ่ง ธรรมอย่างหนึ่ง คือจิต ที่พระพุทธเจ้าตรัสตอบเทวดาที่ทูลถาม


    หมายเลข 10417
    9 ม.ค. 2567