ที่ว่า...รัก...รักนั้น...รักใคร?

 
pannipa.v
วันที่  2 ก.ย. 2551
หมายเลข  9734
อ่าน  1,142

ที่อ้างว่า...รักๆ นั้น รักใคร??

รัก...ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์?

รัก...บิดา มารดา สามี ภรรยา บุตร เพื่อน?

หรือว่า...จริงๆ แล้ว "รักตัวเองที่สุด???"


  ความคิดเห็นที่ 2  
 
คุณ
วันที่ 2 ก.ย. 2551
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 2 ก.ย. 2551

รักตนต้องไม่ทำให้ตนเองและคนอื่นเดือดร้อน พร้อมกับอบรมปัญญาเพื่อขัดเกลากิเลส

ให้ยิ่งขึ้นไป ผู้ที่เป็นคนดีจะไม่เป็นพิษเป็นภัยกับคนอื่นเลย ถ้าต่างคนต่างเป็นอย่างนี้

สังคมก็จะร่มเย็นอยู่กันอย่างมีความสุขค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 2 ก.ย. 2551

แต่ละบุคคลมีกิเลสมากมายด้วยกันทั้งนั้น เพราะได้สั่งสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ ถึงแม้จะมีกิเลสมาก ก็ไม่พึงท้อถอยในการศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมต่อไป เพราะเมื่อได้ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ความเข้าใจก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นเจริญขึ้นทีละเล็กทีละน้อย การที่จะประจักษ์แจ้งลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ว่าธรรมเป็นธรรมจริงๆ ไม่เป็นเรา ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนนั้นย่อมมีได้ เพราะอบรมเจริญปัญญา ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pornpaon
วันที่ 2 ก.ย. 2551

รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์

รักบิดา มารดา สามี ภรรยา บุตร

รักญาติสนิท มิตรสหาย

รักมากที่สุดแค่ไหน ตราบใดที่ยังเป็นปุถุชนคงต้องยอมรับความจริงว่า มี ตน นี้แหละ เป็นที่รักที่พอใจมากที่สุด ทั้งรักทั้งหลง เอาอกเอาใจสารพัด ไม่ยอมสลัดออกง่ายๆ ซ้ำร้าย ยังกลัวการสละ ตัวตน นี้ออกไปอีกด้วย

ถ้าไม่ได้ฟังธรรม ก็คงยังกอดรัด ตัวตน ด้วยความรักความหลงไม่คลาย เพราะทุกวันนี้ก็ยังกอดอยู่ แน่นด้วย แต่แน่นน้อยกว่าเมื่อก่อนนิดนึง

๑๑๑๑๑๑๑๑๑

ขออนุโมทนาคุณ pannipa.v

ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
suwit02
วันที่ 2 ก.ย. 2551

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
เมตตา
วันที่ 2 ก.ย. 2551

ชนบางพวกย่อมประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจ ชนเหล่านั้นไม่ชื่อว่ารักตน

ชนบางพวกย่อมประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจ พวกเหล่านั้นชื่อว่ารักตน

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ป้าจาย
วันที่ 3 ก.ย. 2551
ขวนขวายศึกษาธรรม เพราะความรักตัวนี่แหละค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Pararawee
วันที่ 3 ก.ย. 2551

(คิดถึงป้าจายจัง......)

เห็นด้วยค่ะ แม้ได้ศึกษาแล้วว่า เรา นั้นไม่มี แต่ก็ยัง รักๆ ๆ ๆ ๆ ๆ แต่ตัวเอง

เห็นแต่ตัวเรา เพราะอวิชชาท่วมท้น นั่นแล......

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า

อนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ajarnkruo
วันที่ 3 ก.ย. 2551

ส่วนใหญ่เรารักสุขเวทนา ปรารถนาสุขเวทนาที่เกิดขึ้นเพราะเห็นได้ยิน สัมผัสเมื่อไม่รู้ความจริงก็ยึดสุขเวทนานั้นเป็นที่ตั้งว่าเป็นเรา เป็นของเรา ก่อให้เกิดการแสวงหาแต่สุขเวทนานั้นๆ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย จะได้หรือจะไม่ได้ตามปรารถนา ก็เป็นทุกข์เพราะจิตเป็นไปกับอกุศลมีแต่ความหวั่นไหว มีแต่ความไม่สงบ มีแต่เยื่อใย มีแต่ความผูกพันหลงคิดว่าตนเองเป็นที่รักที่สุด บำเรอตนเองเป็นไปกับสุขนานัปประการแต่ความจริง เกือบตลอดทั้งวัน ถูกอกุศลของตนเองทำร้ายอยู่ไม่ขาดถ้าปัญญาไม่เกิดก็จะไม่รู้ว่าศัตรูใกล้ที่หลอกให้หลงรักตนเองมีอยู่ในขณะนี้นี่เอง

...ขออนุโมทนาครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
opanayigo
วันที่ 4 ก.ย. 2551

เพราะเยื่อใยและความผูกพัน โลภะ โทสะ โมหะ ตัดไม่ขาด ละไม่ลง หลงลืมเกือบทั้งวันเพราะยังเป็นเรา

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
Khaeota
วันที่ 6 ก.ย. 2551

ขออนุโมทนา

K PANNIPA.V

สำหรับกระทู้นี้ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 8 ก.ย. 2551


you (บิดา มารดา สามี ภรรยา บุตร ญาติสนิท มิตรสหาย) ไม่มี..myself..ก็ไม่มี

ความรักที่ควรเป็นคือเมตตา..รักแบบอื่นเป็นอกุศล (โลภะ) ..

อกุศลทำลายได้ทั้งตนเองและผู้อื่น
ความรักด้วยเมตตา ไม่มีการหวังผลตอบแทน แม้เพียงให้ผู้อื่นเห็นความดีของตน จึงไม่เป็นเหตุแห่งความทุกข์ ความเสียใจเนื่องจากความผิดหวังในภายหลัง

อนุโมทนาคะ.

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ