ผู้มีปัญญา เป็นผู้ที่อดทน [จบภาค 1]

 
สารธรรม
วันที่  12 เม.ย. 2551
หมายเลข  8159
อ่าน  1,181

ต่อจากกระทู้ ...8158

เพราะฉะนั้น ก็จะต้องเข้าใจสภาพของความเมตตาจริงๆ แม้จะเมตตาก็ยังไม่สามารถที่จะดับกิเลสได้เป็นสุมจเฉท บุคคลนั้นต้องรู้หนทางจริงๆ ค่ะว่า กุศลมีหลายระดับขั้น กุศลที่สามารถจะดับกิเลสได้ ต้องรู้ลักษณะของสภาพธรรมะที่เป็นปรมัตถธรรม ที่มีลักษณะจริงๆ ปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ สติปัฏฐานจะต้องเกิดระลึกได้ รู้ลักษณะของสภาพธรรมะให้ละเอียดขึ้น


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
สารธรรม
วันที่ 12 เม.ย. 2551

แม้แต่การคิดนึกเนี่ยค่ะ ก็จะต้องรู้ว่าไม่ใช่สภาพทางตา ทางที่เห็น คิดนึกไม่ได้เลย เพียงเห็น ! และเมื่อคิดนึกก็เป็นอีกขณะหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องราวของสิ่งที่ปรากฏโดยเอาบุคคลต่างๆ ออกมาจากสิ่งที่ปรากฏทางตา ทำให้นึกคิดเป็นบุคคลนั้น บุคคลนี้ ทั้งๆ ที่สิ่งที่ปรากฏทางตาเนี่ยค่ะ ก็อยู่เฉยๆ เพียงเกิดขึ้นแล้วก็ดับ แต่ว่าเกิดดับสืบต่อกันเร็วมาก จนกระทั่งทำให้ผู้ที่ไม่ได้ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมะที่ปรากฏทางตา และมีความคุ้นเคยกับการที่จะนึกถึงเรื่องราวของสิ่งที่ปรากฏ เพราะฉะนั้นทันทีที่มีสิ่งที่ปรากฏทางตา ความคุ้นเคย ความเคยชินที่สะสมมา ก็ทำให้นึกเป็นเรื่องราว เป็นสัตว์ เป็นบุคคล

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
สารธรรม
วันที่ 12 เม.ย. 2551

ซึ่งถ้าจะรู้สภาพธรรมะตามความเป็นจริงนะคะ ก็จะต้องสะสมความคุ้นเคยใหม่คือ ขณะใดที่เห็น ก็ระลึกได้ ว่าเป็นสิ่งที่ปรากฏทางตา และขณะที่เห็นเป็นสัตว์เป็นบุคคลต่างๆ นะคะ ขณะนั้นเป็นการคิดนึกซึ่งเป็นปกติ เพราะเหตุว่าคุ้นเคยที่จะนึกถึงเรื่องราวของสิ่งที่ปรากฏ โดยนึกถึงสัณฐาน สัตว์ บุคคลต่างๆ เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้น จึงต้องเป็นผู้ที่อดทนจริงๆ นะคะ ที่จะฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม พิจารณาพระธรรม แล้วก็ค่อยๆ ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมะที่กำลังปรากฏ แล้วก็ค่อยๆ เข้าใจขึ้นๆ ตามความเป็นจริง ในขณะนี้ตามปกติ

บรรยายโดยท่าน อ. สุจินต์ บริหารวนเขตต์จากชุดโสภณธรรม แผ่นที่ ๕ ตอนที่ ๒๔๕๒ นาทีที่ ๑๐.๑๑

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
pornchai.s
วันที่ 12 เม.ย. 2551

ค่อยๆ ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมะที่กำลังปรากฏแล้วก็ ค่อยๆ เข้าใจขึ้นๆ ตามความเป็นจริง ในขณะนี้ตามปกติ

นี่คือหัวใจของการอบรมเจริญวิปัสสนา (อบรมเจริญสติปัฏฐาน) ครับ คือรีบร้อน รีบเร่ง ไม่ได้ แต่ต้องค่อยเป็น ค่อยไป พิจารณา สภาพธรรมที่ปรากฏเป็นปกติในชีวิตประจำวัน บ่อยๆ เนืองๆ และไม่ใช่ตัวเราที่กำลังพิจารณา แต่เป็นเพียงนามธาตุ เป็นเพียงนามธรรมที่กำลังระลึกรู้สิ่งที่ปรากฏขณะนี้เท่านั้น แม้บารมีทั้ง๑๐ จะมี ปัญญาบารมีเป็นหัวหน้าแต่จะขาดบารมีใด บารมีหนึ่ง ไม่ได้ กุศลทุกประการก็รวมลง ในความไม่ประมาท (ซึ่งคือ พระปัจฉิมวาจาของพระตถาคต)

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
aiatien
วันที่ 12 เม.ย. 2551
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
suwit02
วันที่ 12 เม.ย. 2551
สาธุ
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 12 เม.ย. 2551

อย่ามองข้ามไป การเจริญกุศลทุกอย่าง และการเป็นคนดี เป็นเหตุปัจจัยให้สติปัฏฐานเกิด ถ้ายังเต็มไปด้วยโลภะ โทสะ โมหะ และยังเป็นคนดีไม่ได้ สติปัฏฐานก็ยังอยู่ไกลค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 12 เม.ย. 2551

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 12 เม.ย. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

อบรมบารมีในชีวิตประจำวัน ไม่ประมาทแม้กุศลมีประมาณน้อย มีเมตตา อดทน เพิ่มขึ้น พร้อมๆ กับความเข้าใจเรื่องสติปัฏฐาน ก็จะเข้าใจความจริงของสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าสภาพธรรมใดเกิดในชีวิตประจำวัน และก็คงถึงฝั่ง ซึ่งก็ต้องอาศัย ความอดทนอีกเช่นกัน อันเกิดจากปัญญาขออนุโมทนาครับ

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
dron
วันที่ 13 เม.ย. 2551

ไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตน สภาพธรรมเกิดขึ้นตามเหตุ ตามปัจจัย ไม่สามารถบังคับบัญชาได้ ไม่มีคนดี และคนไม่ดี มีแต่สภาพธรรมมะที่เป็นกุศล และอกุศล

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
มาณพน้อย
วันที่ 13 เม.ย. 2551

เป็นผู้ที่อดทนจริงๆ ที่จะฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม พิจารณาพระธรรม

...ขออนุโมทนาด้วยนะครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
สิริพรรณ
วันที่ 7 ส.ค. 2564

กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

อนุโมทนาขอบคุณผู้เผยแพร่พระธรรมค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ