เข้าใจความจริงที่มีในขณะนี้
ท่านอาจารย์ ขณะนี้มีสิ่งที่กำลังปรากฏทางตาหรือไม่
ผู้ฟัง มีครับ
ท่านอาจารย์ มี เป็นสิ่งที่เพียงปรากฏ หรือว่าเป็นอะไร
ผู้ฟัง ก็เป็นสิ่งที่เพียงปรากฏ
ท่านอาจารย์ แน่ใจ ละการที่เคยยึดถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดหรือเปล่า เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏเท่านั้นจริงๆ เพราะปรากฏจริงๆ ใช่ไหม การฟังธรรมต้องเข้าใจ มีสิ่งที่กำลังปรากฏจริงๆ และสิ่งที่ปรากฏก็เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏจริงๆ ไม่ได้เป็นอะไรเลย นอกจากเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏ และเข้าใจอย่างนี้หรือยัง หรือว่ายังคงเป็นเรา พอเห็นก็เป็นเรา เป็นแขนเรา เป็นขาเรา หรือว่าเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏ แล้วก็อะไรถูก ระหว่างที่ยึดถือสิ่งที่ปรากฏว่าเป็นตัวเรา หรือเป็นเรากับเริ่มเข้าใจถูกต้องว่า ตลอดชาติ กี่ชาติก็ตาม มีสิ่งที่สามารถปรากฏให้เห็น ธรรมชนิดนี้ ลักษณะนี้ เป็นธรรมที่เพียงปรากฏให้เห็นเท่านั้นจริงๆ และก็ต้องปรากฏให้จักขุวิญญาณ คือจิตเห็นที่กำลังเห็นในขณะนี้ด้วย ไม่ใช่จิตอื่น นอนหลับสนิทสิ่งที่ปรากฏทางตาขณะนี้ไม่ปรากฏเลย แม้ว่ามี ก็ไม่ปรากฏ แต่จะปรากฏต่อเมื่อมีจิตเห็นเกิดขึ้น เข้าใจอย่างนี้ ทุกทวาร ทุกทาง จิตเห็นไม่ใช่คนหนึ่งคนใดเลย เป็นธาตุรู้ คือจิตเกิดพร้อมกับเจตสิกแต่ละประเภท ไม่ว่าจิตขณะนั้นจะมีเจตสิกเกิดร่วมด้วยเท่าไหร่ เจตสิกแต่ละหนึ่งนั้นก็ไม่ใช่ใครเลยทั้งสิ้น
การที่จะเข้าใจจริงๆ ว่าไม่มีตัวตน ไม่มีเรา ก็ต่อเมื่อเข้าใจความจริงที่มีในขณะนี้ คือจิตเป็นธาตุรู้ และมีสิ่งที่กำลังปรากฏให้รู้ หาเราได้ไหม เป็นเราอันไหน จิตไม่ใช่เรา เจตสิกไม่ใช่เรา รูปไม่ใช่เรา เมื่อไหร่รู้จริงๆ เมื่อนั้นก็ไม่มีเราในที่ไหนๆ ไม่ว่าในสวรรค์ มนุษย์ หรือที่ไหนก็ไม่มี ถึงจะคลายการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา หรือว่าเป็นตัวตน เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้
นี่ประโยชน์ คือการเห็นถูกการเข้าใจถูก ไม่ใช่ชวนให้หลงไปยึดถือสิ่งต่างๆ แต่ว่าให้เข้าใจความจริง ว่าแท้ที่จริงแล้วที่เคยยึดถือธรรมที่ปรากฏว่าเป็นเรา เป็นเขา เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ต้องรู้ความจริงของสภาพธรรมแต่ละอย่าง รูปเป็นรูป ปรากฎได้แต่ละทาง ปรากฏแล้วก็หมดไป แล้วไม่กลับมาอีกเลย ถ้าสามารถที่จะเห็นการเกิดขึ้น และดับไป ถึงแม้ว่าสิ่งนั้นผ่านไปแล้ว แต่ขณะนี้สติสัมปชัญญะกำลังรู้สิ่งหนึ่งสิ่งใด เช่น แข็ง มีแข็งเท่านั้น ไม่มีอย่างอื่นเลย
ก็จะเห็นได้ว่าก่อนๆ นี้แม้จะคิดเรื่องราวตั้งแต่เมื่อวานนี้ วันไหนก็ตาม ก็ไม่มีสาระ เพราะไม่มี หมดแล้ว ไม่กลับมาอีก แต่แข็งขณะนี้กำลังมี ให้เข้าใจได้แค่ไหน ว่าเป็นแต่เพียงสภาพธรรมอย่างหนึ่งจริงๆ เกิดแล้ว บังคับบัญชาไม่ได้ และความจริงก็ดับไปด้วยทุกขณะ สภาพธรรมปรากฏไม่เคยขาดไปเลย แต่อวิชชาไม่สามารถที่จะรู้ความจริง ว่าเป็นเพียงธรรมที่เกิดปรากฏแต่ละลักษณะ แล้วก็ดับ แล้วปรากฏทีละอย่างด้วย
ถ้าคิดถึงจิตหนึ่งขณะที่เกิดขึ้น รู้เพียงอย่างเดียว จะมีเรื่องราวต่างๆ ได้ไหม ถ้าไม่สืบต่อกัน แต่เพราะเกิดดับสืบต่ออย่างรวดเร็ว และคิดนึกด้วยความไม่รู้ ว่าแท้จริงสิ่งที่ปรากฏเนี่ยดับแล้ว เมื่อไม่ประจักษ์การที่ดับไปแล้วไม่กลับมาอีก ก็ยังยึดถือสิ่งนั้นว่ายังอยู่ และก็เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งไม่ดับเลย นี่คืออัตตานุทิฏฐิ การเห็นว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เที่ยง ขณะนี้สิ่งที่ปรากฏทางตา ไม่ใช่เสียงที่ปรากฏทางหู ใช่ไหม
ผู้ฟัง ใช่ครับ
ท่านอาจารย์ มีคุณอุดรอยู่ที่ไหน อยู่ที่เสียง หรืออยู่ที่สี หรืออยู่ที่เห็น หรืออยู่ที่ได้ยิน
ผู้ฟัง อยู่ที่นึกคิด ครับ
ท่านอาจารย์ ค่ะ นึกคิดดับแล้ว คุณอุดรอยู่ที่ไหน ขณะที่เห็นไม่ได้คิด
ผู้ฟัง ก็ไม่มี
ท่านอาจารย์ ไม่มี จนกว่าจะมั่นคงว่า ไม่มี


