หลอกตัวเองว่าได้วิปัสสนาญาณ
วิปัสสนาญาณจริงๆ เป็นปัญญาที่รู้แจ้งในสภาพธรรมที่ปรากฏตรงลักษณะตามปกติ ตามความเป็นจริง ผู้นั้นไปพากเพียร ไปทุ่มเท โดยที่ปกติไม่สามารถระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมได้ เป็นการหลอกตัวเองหรือเปล่าว่าถึงวิปัสสนาญาณ นอกจากจะเป็นการหลอกตัวเองแล้ว ยังขอให้คนอื่นรับรองว่าถึงแล้ว ในเมื่อสติไม่ได้ระลึกรู้นามธรรมและรูปธรรมตามปกติจนปัญญาเพิ่มขึ้นและรู้ชัดจริงๆ แต่กลับเข้าใจว่าประจักษ์ความเกิดดับ
รับฟัง ...
ท่านผู้ฟังท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า มีท่านผู้ฟังอีกท่านหนึ่งไปสำนักปฏิบัติ แต่เวลาที่ท่านออกจากการปฏิบัติ ท่านก็กล่าวว่า การบรรยายให้เป็นผู้ที่มีปกติเจริญสติปัฏฐานนี้จะทำให้ผู้บรรยายหรือผู้ที่ปฏิบัติตามตกนรก เพราะว่ากั้นการที่บุคคลนั้นจะทุ่มเทเวลาทำวิปัสสนาให้ติดต่อกันจนกระทั่งญาณเกิดได้ ท่านเห็นว่า การเป็นผู้ที่มีปกติเจริญสติปัฏฐาน ไม่สามารถทำให้เกิดวิปัสสนาญาณ
วิปัสสนาญาณคืออะไร จะเกิดได้อย่างไร และวิปัสสนาญาณนั้นรู้อะไร ถ้าเป็นวิปัสสนาญาณแล้ว อยู่ที่ไหนก็รู้ได้ เจริญเหตุให้สมควรแก่ผล ขณะใดที่สติไม่เกิดระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมตามความเป็นจริง ขณะนั้นก็เป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล
ถ . ในขณะที่ระลึกรู้นามรูปตามความเป็นจริง ในขณะนั้นชื่อว่า วิปัสสนาญาณได้หรือไม่
สุ . ถ้าอย่างนั้นจะต่างอะไรกันกับขณะที่สติกำลังเริ่มเจริญ ขณะที่กำลังเริ่มเจริญ ก็รู้ในลักษณะที่เป็นนามธรรม ถ้าขณะนั้นเป็นวิปัสสนาญาณก็ไม่ต้องทำอะไรกัน ก็เป็นวิปัสสนาญาณไปทุกขณะ ไม่ต้องใช้คำว่าวิปัสสนาญาณก็ได้โดยลักษณะนั้น
แต่วิปัสสนาญาณนั้น คือ ความรู้ชัด เป็นความรู้จริงๆ ในสภาพของสิ่งที่กำลังปรากฏ ตรงลักษณะที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ตามความเป็นจริงของสภาพธรรมนั้นๆ
ปัญญา คือ ความรู้ชัด กำลังเห็น รู้ชัดคืออย่างไร เมื่อไม่ทราบจึงต้องเจริญสติเพื่อจะได้รู้ว่า ที่รู้ชัดนั้นรู้อะไร อย่าเพิ่งรู้ชัดอย่างนั้นโดยเร็ว
สำหรับท่านที่เข้าใจว่า เมื่อไปสู่สำนักปฏิบัติ ท่านจะพากเพียรติดต่อกันจนวิปัสสนาญาณเกิด ท่านไม่เห็นว่า การเป็นผู้ที่มีปกติเจริญสติปัฏฐานนั้น มีคุณมีประโยชน์สามารถจะทำให้รู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริงได้ ท่านเข้าใจว่า ท่านไปพากเพียรที่สำนักปฏิบัติจนกระทั่งวิปัสสนาญาณเกิดเป็นอุทยัพพยญาณ เป็นการประจักษ์ความเกิดขึ้นและดับไปของนามและรูป แต่ว่าตามปกติ ตามธรรมดาขณะที่กำลังเห็น กำลังได้ยิน กำลังคิดนึก กำลังเป็นสุข เป็นทุกข์ นั่ง นอน ยืน เดิน พูด นิ่ง คิด กระทำกิจการงานต่างๆ สติไม่ได้รู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ
สติของผู้ที่กล่าวว่า ท่านประจักษ์ความเกิดดับของนามและรูปแล้วนั้น ไม่สามารถที่จะระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมที่เกิดปรากฏและดับไปตามปกตินี้เลย อย่างนั้นหรือชื่อว่าท่านได้ถึงวิปัสสนาญาณ
ท่านเข้าใจว่า เวลาที่ไปพากเพียรอย่างนั้น ทุ่มเทอย่างนั้น ประจักษ์ความเกิดขึ้นและดับไปของนามรูป แต่โดยปกติอย่างนี้ สติไม่เคยระลึกรู้ตรงลักษณะของนามธรรมแต่ละชนิด ของรูปธรรมแต่ละชนิด
อิสสาเกิดขึ้น เป็นนามธรรมชนิดหนึ่ง เห็นเกิดขึ้น เป็นนามธรรมชนิดหนึ่ง ขุ่นเคืองใจเกิดขึ้น เป็นนามธรรมชนิดหนึ่ง ตามปกติในชีวิตจริงๆ เป็นนามธรรม และรูปธรรมแต่ละชนิด แต่ท่านกล่าวว่า ท่านไปพากเพียรและถึงอุทยัพพยญาณ แต่ท่านไม่สามารถระลึกรู้ตรงลักษณะที่เป็นนามธรรมและรูปธรรมตามปกติในชีวิตประจำวันได้ อย่างนั้นจะเชื่อได้ไหมว่าเป็นวิปัสสนาญาณ ถ้าเชื่ออย่างนั้น ถ้าเข้าใจอย่างนั้นว่า ถึงอุทยัพพยญาณ โดยไม่สามารถระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมตามปกติ ตามความเป็นจริง ชื่อว่ารู้ผิด หรือรู้ถูก
สติไม่สามารถที่จะระลึกตรงลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม ทางตาขณะนี้ ทางหูขณะนี้ จมูก ลิ้น กาย ใจในขณะนี้เลย แต่เข้าใจว่า สามารถประจักษ์ความเกิดดับของนามและรูป อย่างนั้นชื่อว่ารู้ผิด หรือรู้ถูก ทำไมไม่เฉลียวใจว่า ถ้าเป็นวิปัสสนาญาณจริงๆ ย่อมสามารถที่จะรู้ชัด และแทงตลอดในนามธรรมและรูปธรรมทั้งปวงที่ปรากฏ สติระลึกตรงลักษณะนั้นได้ และปัญญาต้องเพิ่มอีกมากทีเดียวกว่าจะประจักษ์ความเกิดขึ้นและดับไป ด้วยปัญญาที่แทงตลอดในสภาพของนามธรรมและรูปธรรมแต่ละลักษณะที่ปรากฏตามความเป็นจริง
เพราะฉะนั้น ผู้นั้นหลอกตัวเองหรือเปล่าว่าได้วิปัสสนาญาณ เพราะไปพากเพียร ไปทุ่มเท โดยที่ปกติไม่สามารถระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมได้ เป็นการหลอกตัวเองหรือเปล่าว่ารู้ ว่าถึงวิปัสสนาญาณ นอกจากจะเป็นการหลอกตัวเองแล้ว ยังขอให้คนอื่นรับรองว่าถึงแล้ว ทำไมต้องให้คนอื่นรับรองว่าเป็นอุทยัพพยญาณ ในเมื่อสติไม่ได้ระลึกรู้นามธรรมและรูปธรรมตามปกติจนปัญญาเพิ่มขึ้นและรู้ชัดจริงๆ แต่กลับเข้าใจว่าประจักษ์ความเกิดดับ
ซึ่งวิปัสสนาญาณจริงๆ เป็นปัญญาที่รู้แจ้งในสภาพธรรมที่ปรากฏตรงลักษณะตามปกติ ตามความเป็นจริง ไม่ใช่หลอกว่า ประจักษ์ความเกิดขึ้นและดับไปแล้ว แต่ผู้นั้นเองกลับกล่าวว่า สติไม่สามารถที่จะเกิดระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมที่กำลังปรากฏตามปกติได้
นี่เป็นเหตุจำเป็นที่จะต้องเน้นเรื่องนี้ เพื่อการเจริญปัญญาของท่านผู้ที่เจริญสติปัฏฐาน เจริญวิปัสสนา จะได้ไม่เข้าใจสภาพธรรมคลาดเคลื่อนหรือผิดไป [ตอนที่ 246]
รู้ผิด หรือรู้ถูก
สติไม่สามารถที่จะระลึกตรงลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม ทางตาขณะนี้ ทางหูขณะนี้ จมูก ลิ้น กาย ใจในขณะนี้เลย แต่เข้าใจว่า สามารถประจักษ์ความเกิดดับของนามและรูป อย่างนั้นชื่อว่ารู้ผิด หรือรู้ถูก
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ



