ชีวิตนี้จะไปไหน 21/10/68

ความเข้าใจที่สามารถรู้ความจริงของทุกอย่างเป็นแสงสว่าง แสงสว่างใดๆ ก็ไม่เท่ากับปัญญา แม้ในความมืดก็รู้ความจริงได้

แสงสว่างอื่นของใครก็ตามไม่สามารถทำให้เข้าใจความจริงที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เทียบไม่ได้เลย แล้วจะหาหนทางใด เพราะคำของพระพุทธเจ้าทำให้เข้าใจถูก

เพราะฉะนั้นจึงต้องฟังด้วยความตรงต่อความจริง เคารพความจริงแต่ละคำเปลี่ยนไม่ได้ ไม่ใช่มืดด้วยการไม่รู้ความจริงของสภาพธรรมะแต่ละขณะ ... นี่คือหนทางที่จะรู้จักอนัตตา

เพราะฉะนั้นจะรู้จักพระพุทธเจ้าเมื่อในความมืดสามารถรู้ความจริงของสิ่งที่กระทบตาปรากฏ ไม่ใช่เห็น ขณะเห็นจะรู้อื่นไม่ได้นอกจากสิ่งที่กำลังเห็น กว่าจะรู้ความจริงอยู่ในความมืดหมด

ทุกอย่างเกิดได้เมื่อมีปัจจัย สภาพธรรมที่มีจริงเกิดแล้วดับเร็วสุดที่จะประมาณได้ เมื่อไม่รู้การเกิดดับก็ทรงจำไว้ว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ความไม่รู้ไม่รู้ทุกอย่าง ทุกทาง ทุกขณะ

เพราะฉะนั้นกว่าจะรู้ว่าธรรมะทุกอย่างมืดเว้นสิ่งเดียวที่ปรากฏทางตาที่สว่าง ใครจะบอกได้ต้องเป็นความจริง รู้ความจริงถูกต้องตามความเป็นจริง ควรได้ไตร่ตรองแต่ละคำที่ได้ฟังว่าถูกต้องไหม เริ่มรู้เริ่มเข้าใจนี่เป็นหนทางที่จะละความเป็นอัตตาที่เข้าใจมั่นคงมานานว่าทุกสิ่งมั่นคงไม่เกิดดับ ... แต่ความจริงทุกอย่างเกิดและดับทันที

ใครจะบอกให้ละความเป็นตัวตนโดยวิธีอื่น ไม่มีที่พึ่งอื่นนอกจากพระรัตนตรัย ถ้าไม่พึ่งพระพุทธเจ้าไม่มีใครสามารถจะรู้ความจริงได้ มีที่พึ่งที่จะสะสมไป ไตร่ตรองต่อไป ทั้งหมดเป็นบารมี จนถึงเวลาที่สิ่งนั้นที่เกิดและดับนั้นปรากฏได้ ไม่มีหนทางอื่น ... หาวิธีอื่นได้ไหม?!

เป็นโอกาสที่มีค่าที่สุดที่ได้ฟังคำของพระพุทธเจ้า ... ใครเป็นผู้แสดงอนัตตา ... เฉพาะในสมัยที่มีการอุบัติขึ้นของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น!!!

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ