อกุศลเป็นปัจจัยให้เกิดกุศล
โลภเจตสิก ความยินดีติดข้องในลาภบ้าง ยศบ้าง สรรเสริญบ้าง สุขบ้าง เป็นที่อาศัยที่มีกำลังทำให้มีการขวนขวายทำกิจการงานต่างๆ ทั้งที่ เป็นอกุศลและที่เป็นกุศลเพื่อให้ได้ตามที่ต้องการ อย่างท่านที่อยากจะทำทานหรือทำบุญกุศลด้วยความปรารถนาสวรรค์บ้าง หรือปรารถนาทรัพย์สมบัติ ความเป็นเศรษฐีมั่งมีเงินทองต่างๆ ขณะนั้นจะไม่ทราบเลยว่าเพราะอะไรจึงทำ แต่ตามความเป็นจริงแล้ว เพราะความต้องการในลาภ ในยศนั่นเอง ที่ทำให้กระทำทานกุศลนั้น ซึ่ง อกุศลเป็นปัจจัยให้เกิดกุศลได้โดยอุปนิสสยปัจจัย
รับฟัง ...
ทุกท่านยังมีความพอใจในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ ยังยินดีพอใจในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข สักการะ เพราะฉะนั้น ท่านที่มีความติด มีความพอใจในลาภ ในยศ ในสรรเสริญ ในสุข ในสักการะ ก็พยายามทำทุกทางเพื่อให้ได้ลาภ ที่ทุกคนมีชีวิตอยู่ทุกวัน และทำกิจการงานต่างๆ ทำเพื่ออะไร ทำไมทุกคนต้องขวนขวายทำกิจการงานด้วยความเหนื่อยยาก ก็เพื่อที่จะได้ลาภ คือ รูปบ้าง เสียงบ้าง กลิ่นบ้าง รสบ้าง โผฏฐัพพะบ้าง
บางคนแม้จะไม่มีความยึดมั่นในลาภเหล่านี้ ไม่เป็นผู้ติดในทรัพย์สมบัติ แต่ก็ยังอยากได้คำสรรเสริญ คำชมเชยก็เป็นได้ เพราะฉะนั้น บางคนเพียงแต่จะ ทำอะไรก็ตาม และมีคนชมว่าเก่งมาก ไม่ได้ให้ทรัพย์สินเงินทองอะไรเลย แต่ก็เป็นที่แสวงหาแล้วในสักการะ หรือในสรรเสริญนั้น
จะเห็นได้ว่า อกุศลเป็นปัจจัยให้เกิดกุศลได้โดยอุปนิสสยปัจจัยตามที่ได้กล่าวถึงแล้ว สภาพธรรมที่มีจริงๆ ทั้งจิตก็ดี เจตสิกก็ดี รูปก็ดี เป็นปัจจัยซึ่งกัน และกัน เมื่อมีสภาพธรรมหนึ่งสภาพธรรมใดเกิดขึ้นก็เป็นปัจจัยโดยนัยหนึ่งนัยใด หรือโดยเป็นปัจจัยหนึ่งปัจจัยใดทำให้สภาพธรรมอื่นเกิด เช่น ความพอใจในลาภก็ดี ในยศก็ดี ในสรรเสริญก็ดี เป็นปัจจัยซึ่งเป็นที่อาศัยที่มีกำลัง
คำว่า อุปนิสสยปัจจัย นิสสยะ หมายความถึงที่อาศัย อุปะ แปลว่า มีกำลัง เพราะฉะนั้น โลภเจตสิก ความยินดีติดข้องในลาภบ้าง ยศบ้าง สรรเสริญบ้าง สุขบ้าง เป็นที่อาศัยที่มีกำลังทำให้มีการขวนขวายทำกิจการงานต่างๆ ทั้งที่ เป็นอกุศลและที่เป็นกุศลเพื่อให้ได้ตามที่ต้องการ อย่างท่านที่อยากจะทำทานหรือทำบุญกุศลด้วยความปรารถนาสวรรค์บ้าง หรือปรารถนาทรัพย์สมบัติ ความเป็นเศรษฐีมั่งมีเงินทองต่างๆ ขณะนั้นจะไม่ทราบเลยว่าเพราะอะไรจึงทำ แต่ตาม ความเป็นจริงแล้ว เพราะความต้องการในลาภในยศนั่นเองที่ทำให้กระทำทานกุศลนั้น นี่คือคำตอบที่ว่า การทำบุญด้วยความหวัง ความติดในลาภ ในยศ ในสรรเสริญ สุขนั้นคืออย่างนี้
แต่สำหรับผู้ที่มีปัญญาเห็นโทษของโลภะ รู้ว่าโลภะเป็นสภาพที่ติดข้อง ไม่สามารถทำให้สละ ละจากสิ่งที่เคยยึดมั่นได้ เป็นเหตุนำมาซึ่งความทุกข์ทั้งปวง ถ้าค่อยๆ พิจารณาและเห็นโทษของโลภะ ขณะที่ทำบุญกุศลจะเลิกคิดหรือเลิกถามว่า จะได้บุญไหม หรือบางคนก็ถามว่า จะได้บุญมากไหม
ใครก็ตามที่ทำสิ่งที่ดีด้วยความคิดว่า ทำอย่างนี้จะได้บุญไหม หรือทำอย่างนี้จะได้บุญมากไหม ก็หมายความว่าผู้นั้นยังทำด้วยความหวังว่าจะได้รับผลตอบแทน คือผลของบุญ และมีการวัดด้วยจากการกระทำความดีนั้นว่า ถ้าทำอย่างนี้ แบบนี้ จะได้บุญมาก หรือทำอีกแบบหนึ่ง อีกอย่างหนึ่ง จะได้บุญมากกว่า
แสดงให้เห็นถึงการติดในผลซึ่งเกิดจากการทำกุศลนั้น เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ การทำเพื่อขัดเกลาและเห็นโทษของโลภะ ผู้ที่ยังถามว่า ทำอย่างนี้ได้บุญไหม แสดงถึงความไม่เข้าใจว่า บุญคืออะไร


