พิจารณาถึงคุณของขันติ [มูลปัณณาสก์]

 
เมตตา
วันที่  21 ก.ย. 2568
หมายเลข  50973
อ่าน  115

[เล่มที่ 17] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 184 185

ก็ภิกษุใดฟังคําพูดหยาบคาย และคําพูดอันสหรคตด้วยอันติมวัตถุ ซึ่งมาจากที่ไกลเพราะเป็นคําพูดที่หยาบคายแล้ว พิจารณาถึงคุณของขันติ ไม่หวั่นไหวด้วยอํานาจการด่าตอบเหมือน พระทีฆภาณกอภัยเถระ . ภิกษุนี้นั้นบัณฑิตพึงทราบว่า เป็นผู้อดทนต่อถ้อยคําหยาบซึ่งมาแต่ไกลได้. ได้ยินว่า พระเถระกล่าวมหาอริยวังสปฏิปทาเพื่อความเป็นผู้ยินดีในการเจริญสันโดษด้วยปัจจัย. ชาวบ้านทั้งหมดต่างพากันมา.มหาสักการะจึงได้เกิดมีแก่พระเถระ. พระมหาเถระบางรูปอดกลั้นสักการะนั้นไม่ได้จึงด่าโดยนัยเป็นต้นว่า พระทีฆภาณกะ ก่อความวุ่นวายขึ้นตลอดคืน ด้วยกล่าวว่าเราจะกล่าวอริยวงศ์. ก็พระเถระทั้ง ๒ รูป (เวลาเดินทาง) กลับไปสู่วิหารของตนๆ และได้เดินร่วมทางเดียวกันไปสิ้นหนทางประมาณคาวุตหนึ่ง. พระเถระนั้นก็ได้ด่าพระทีฆภาณกเถระแม้ทุกๆ คาวุต. ครั้นแล้ว พระทีฆภาณกเถระยืนอยู่ในที่ที่หนทางของวิหารทั้ง ๒ แยกกัน ไหว้พระเถระนั้นแล้วกล่าวว่า ท่านผู้เจริญ นี้เป็นทางของท่านดังนี้. พระเถระนั้นเดินจากไปทําเหมือนไม่ได้ยิน. ฝ่ายพระทีฆภาณกเถระไปถึงวิหารล้างเท้าแล้วนั่งลง. อันเตวาสิกจึงได้กล่าวกะท่านว่า

ท่านผู้เจริญ อะไรกัน ทําไมท่านจึงไม่กล่าวอะไรๆ กะพระเถระนั้นซึ่งด่าบริภาษท่านทุกๆ คาวุต. พระเถระตอบว่า

อาวุโส ความอดทนเป็นหน้าที่ของเรา ความไม่อดทนหาใช่เป็นหน้าที่ของเราไม่ เราเองไม่ (เคย) เห็นการพลาดจากกัมมัฏฐาน (ของเรา) แม้ในเพราะการยกเท้าข้างหนึ่ง.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 21 ก.ย. 2568

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ