ไม่รีรอ

 
ธรรมทัศนะ
วันที่  7 ก.ค. 2568
หมายเลข  50325
อ่าน  382

เป็นชีวิตจริงๆ ของแต่ละคน สภาพธรรมทั้งหลายเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย สติจะต้องระลึกรู้ตามความเป็นจริงทุกอย่างในชีวิตประจำวัน ถ้าเป็นผู้ที่เจริญสติปัฏฐานแล้ว เป็นปกติธรรมดา ไม่ควรรีรอ สติควรเกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะของธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง


สังยุตตนิกาย สคาถวรรค สัตติสูตรที่ 1 (ข้อ ๕๖) มีข้อความว่า

เทวดานั้น ครั้นยืนอยู่แล้ว ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วได้กล่าวคาถานี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า

ภิกษุพึงมีสติ เว้นรอบเพื่อละกามราคะ เหมือนบุรุษที่ถูกประหารด้วยหอกมุ่งถอนเสีย และเหมือนบุรุษที่ถูกไฟไหม้บนศีรษะมุ่งดับไฟ ฉะนั้น

พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถาว่า

ภิกษุพึงมีสติ เว้นรอบเพื่ออันละสักกายทิฏฐิ เหมือนบุรุษที่ถูกประหารด้วยหอก และเหมือนบุรุษที่ถูกไฟไหม้บนศีรษะ

เทวดาเข้าใจว่า ภิกษุพึงมีสติเว้นรอบเพื่อละกามราคะ พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถาว่า ภิกษุพึงมีสติเว้นรอบเพื่ออันละสักกายทิฏฐิ

บางคนกลัวเหลือเกินว่า นี่เป็นโลภะ กิจการใดที่กระทำไป เพราะเป็นปัจจัยที่สะสมมาให้กระทำเช่นนั้นก็กระทำ แต่เจริญสติรู้ลักษณะของนาม รู้ลักษณะของรูปตามความเป็นจริง เพื่อละสักกายทิฏฐิ

ไม่ว่าท่านผู้ใดจะเคยเข้าใจอย่างไร ก็ขอให้ได้พิจารณาธรรม ที่เทวดากล่าวคาถาทูลพระผู้มีพระภาค และพระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถาซึ่งมีความต่างกันกับเทวดา แต่โดยความเพียรแล้วเหมือนกัน

เหมือนบุรุษที่ถูกประหารด้วยหอก และเหมือนบุรุษที่ถูกไฟไหม้บนศีรษะ เป็นผู้ที่ถูกประหารด้วย ราคะ โทสะ โมหะ อยู่เสมอในวันหนึ่งๆ

แต่ถ้าไม่เจริญสติก็ไม่รู้ เพียงเห็นวัตถุ ๒ อย่าง อย่างหนึ่งเป็นปัจจัยให้เกิดความชอบ โลภะ อีกอย่างหนึ่งเป็นปัจจัยให้เกิดความไม่ชอบ โทสะ รวดเร็วเหลือเกิน ทางตา ไปทางหู ไปทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ เป็นผู้ที่ถูกประหารด้วยโลภะ โทสะ โมหะอยู่ตลอดเวลา จึงควรมีสติเพื่ออันละสักกายทิฏฐิ เหมือนบุรุษที่ถูกประหารด้วยหอก และเหมือนบุรุษที่ถูกไฟไหม้บนศีรษะ

แสดงให้เห็นว่า ไม่ควรรีรอ สติควรเกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะของธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง [ตอนที่ 103]

รับฟัง ...

การเจริญสติปัฏฐานเป็นปกติ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
talaykwang
วันที่ 10 ก.ค. 2568

ตั้งแต่ตื่นจนหลับ ตั้งแต่เกิดจนตาย ธรรมเกิดดับอยู่ตลอดเวลา ไม่มีเว้นเลยสักขณะเดียว จิต เจตสิก เกิดขึ้นทำกิจของตนๆ ตามปัจจัย รูป ต่างเกิดต่างดับทำกิจของตนตามสมุฏฐานต่างๆ แต่เพราะความไม่รู้ ก็ยังเป็นเราตื่น เราหลับ เราเกิด เราแก่ เราเจ็บ เราตาย

จนกว่าจะได้ฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ฟังเพื่อเข้าใจว่าความจริงไม่ใช่เรา และความจริงก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม หนทางออกจากสังสารวัฏฏ์ยาวไกลอย่างสุดประมาณ ถ้าไม่เริ่มต้นวันนี้ ตอนนี้ ในขณะที่คำสอนของพระพุทธองค์ยังอยู่ครบ ก็เป็นเรื่องที่เสียประโยชน์มากมายที่ได้เกิดมาแล้วในชาตินี้

ศึกษาเพิ่มเติม

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

กราบขอบพระคุณและยินดียิ่งในกุศลผู้มีคุณทุกท่านทุกประการ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ