อาลยะ หรืออาลัย ก็คือความติดข้อง [ขุททกนิกาย มหานิทเทส]

 
เมตตา
วันที่  20 ม.ค. 2568
หมายเลข  49387
อ่าน  92

[เล่มที่ 65] - พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย มหานิทเทส เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้า 97 - 98

ชื่อว่า วนะ เพราะอรรถว่า ติด คือคบ คือชุ่มอารมณ์นั้นๆ ขยายบทด้วยพยัญชนะเป็น วนถะ . อีกอย่างหนึ่ง ชื่อว่า วนะ เพราะ อรรถว่า เป็นราวกะป่า, ด้วยอรรถว่า ยังทุกข์อันหาประโยชน์มิได้ให้ตั้ง ขึ้น. และด้วยอรรถว่า รกชัฏ คำนี้เป็นชื้อของตัณหาที่มีกำลัง. แต่ตัณหา ที่มีกำลังเท่านั้นชื่อว่า วนถะ ด้วยอรรถว่า รกชัฏกว่า. เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึง ตรัสไว้ว่า :-

เธอทั้งหลายจงตัดป่า อย่าตัดต้นไม้ ภัยย่อมเกิด แต่ป่า พวกเธอตัดป่าน้อยและป่าใหญ่แล้ว จงเป็นผู้หมด ป่าเถิด ภิกษุทั้งหลาย.

ชื่อว่า สันถวะ ด้วยความสามารถแห่งความเชยชิด. อธิบายว่า เกี่ยวข้อง สันถวะนั้นมี ๒ อย่าง คือ ตัณหาสันถวะ ความเชยชิดด้วยตัณหาหนึ่ง. มิตตสันถวะ ความเชยชิดด้วยไมตรีหนึ่ง. ใน ๒ อย่างนั้น ในที่นี้ประสงค์เอาตัณหาสันถวะ.

ชื่อว่า เสน่หา ด้วยสามารถแห่งความรัก.

ชื่อว่า อเปกขา ความเพ่งเล็ง เพราะอรรถว่า เพ่งเล็งด้วยสามารถ กระทำความอาลัย. สมจริงดังที่กล่าวไว้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ พระนครแปดหมื่นสี่พันของพระองค์เหล่านี้. มีกุสาวดีราชธานีเป็นประมุข ขอพระองค์จงยังความพอพระราชหฤทัยให้เกิดในพระนครนี้เถิด พระเจ้า ข้า. ขอพระองค์โปรดการทำความเพ่งเล็งในชีวิตเถิด. ก็ในข้อนี้มีเนื้อ ความดังนี้ว่า จงกระทำความอาลัย.

ชื่อว่า ปฏิพันธา เพราะอรรถว่า ผูกพันในอารมณ์เฉพาะอย่างๆ หรือผู้มีอารมณ์เฉพาะอย่างผูกพัน ด้วยอรรถว่าเป็นญาติ. ชื่อว่าพวกพ้อง ที่เสมอด้วยตัณหาของสัตว์ทั้งหลาย แม้ด้วยอรรถว่า อาศัยเป็นนิจ ย่อม ไม่มี.


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ