ทางที่จะดับชาติการเกิดมีอยู่
ไม่อยู่เฉยๆ แต่ว่าจะแสวงหาทางที่จะดับกิเลส ดับการเกิด ถ้าทุกท่านรู้ว่า ขณะนี้เป็นสภาพธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ บุคคลตัวตน ไม่ใช่เรา เมื่อมีเหตุปัจจัยเกิดขึ้น แล้วก็ดับไป เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ไม่รู้จักจบ
การแตกดับแห่งสรีระในสถานที่เกิดแล้วเกิดเล่าก็เป็นทุกข์ ก็เรามีชาติ ชรา พยาธิ มรณะเป็นธรรมดา เราเป็นอยู่อย่างนี้ ก็ควรแสวงหาพระนิพพาน อันไม่มี ชาติ ชรา พยาธิ มรณะ เป็นสภาพที่พ้นจากทุกข์ทั้งปวง พ้นจากการท่องเที่ยวไปในภพทั้งหลาย
ซึ่งจะพึงถึงได้ก็ด้วยมรรค คือหนทางอย่างหนึ่ง ซึ่งจะให้ถึงพระนิพพานแน่แท้ ถ้ากระไรเราผู้ไม่เยื่อใย ไม่ต้องการ จะพึงละกายอันเน่านี้ ซึ่งเต็มไปด้วยซากศพต่างๆ ไปเสีย มรรคใดมีอยู่ จักมี มรรคนั้นไม่เป็นเหตุหามิได้ จำเราจักแสวงหามรรคนั้น เพื่อหลุดพ้นจากภพ (ไม่อยู่เฉยๆ แต่ว่าจะแสวงหาทางที่จะดับกิเลส ดับการเกิด ถ้าทุกท่านรู้ว่า ขณะนี้เป็นสภาพธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ บุคคลตัวตน ไม่ใช่เรา เมื่อมีเหตุปัจจัยเกิดขึ้น แล้วก็ดับไป เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ไม่รู้จักจบ จะเบื่อหน่ายละคลายความติดข้องที่ต้องการเห็นอีก ได้ยินอีกไหม แล้วจะแสวงหาหนทางที่จะทำให้ดับชาติการเกิดหรือไม่นั้น ก็อยู่ที่ปัญญาของแต่ละท่าน) ธรรมดาสุขอันเป็นข้าศึกของทุกข์มีอยู่ฉันใด เมื่อความเกิดมีอยู่ ความไม่เกิดอันเป็นข้าศึกของความเกิดนั้น ก็พึงมี ฉันนั้น
ขอเชิญรับฟัง ...

