ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๓๔

 
khampan.a
วันที่  15 ต.ค. 2566
หมายเลข  46792
อ่าน  1,812

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น



ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจาก
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษา และพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้


ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๓๔



~ พระธรรมเป็นสิ่งที่ควรอย่างยิ่งแก่การได้ยินได้ฟังด้วยความเคารพในความลึกซึ้งของผู้ที่ทรงตรัสรู้ความจริงและทรงแสดงความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้ด้วยพระมหากรุณาที่จะให้คนอื่นได้เข้าใจถูกได้เห็นถูก

~ มีโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรม ก็ฟังไป แต่ละคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัส ควรค่าแก่การฟังเป็นอย่างยิ่ง และการที่จะฟังพระธรรมแล้วเข้าใจ ก็ยาก บางคนได้ฟังแล้วก็ไม่เข้าใจ บางคนได้ฟังแล้วก็ไม่ฟังอีก ก็มีหลากหลายตามการสะสม

~ คนที่มีปัญญา เห็นประโยชน์ของการมีชีวิต เพราะเราไม่สามารถที่จะรู้เลยว่าจะจากโลกนี้ไปขณะไหนได้ทั้งสิ้น แต่ว่าถ้าเป็นขณะที่กำลังเข้าใจธรรม จนกระทั่งสามารถที่จะรู้ลักษณะที่กำลังเป็นธรรมในขณะนี้ได้ ขณะนั้นก็ประเสริฐที่สุด เพราะว่า จากไปด้วยความเห็นถูกความเข้าใจถูก

~ เรื่องของกิเลส (เครื่องเศร้าหมองของจิต) มีมาก และกิเลสเกิดขึ้นทำกิจการงานของกิเลส กิเลสจะทำกิจการงานของกุศลไม่ได้ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าในสมัยไหนทั้งสิ้น กิเลสเกิดขึ้นขณะใดก็ทำกิจของกิเลสขณะนั้น

~ จะเกิดมาแค่อายุสั้นๆ หรืออายุยืนนานสักเท่าไหร่ก็ตาม ในที่สุดก็ตาย เพราะฉะนั้น ทุกชีวิตเกิดมาเพื่อตายแน่ๆ ต้องตายแน่นอน แต่ว่าจริงยิ่งกว่านั้นคือวันนี้ยังไม่ตาย เพราะฉะนั้น เกิดมาเพื่อที่จะเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส ทุกขณะตั้งแต่เด็กจนโตสนุกสนานรื่นเริงสุขทุกข์แสวงหาทุกอย่าง แล้วตายแน่ เพราะฉะนั้น ระหว่างเกิดกับตาย ยังไม่ตาย ทำอะไรที่เป็นประโยชน์หรือเปล่า?

~ สิ่งที่เกิดแล้วไม่กลับมาอีกเลยในสังสารวัฏฏ์ จะเป็นคนนี้หลังจากที่สิ้นชีวิตแล้วสักขณะหนึ่งก็ไม่ได้ และเกิดมาทุกคนก็ต้องตาย แต่ก่อนจะตาย สารพัดทำอะไรบ้าง? เลวมีไหม? วันหนึ่งๆ ดีตรงไหน? ตั้งแต่ตื่น ถ้าไม่ฟังความจริงไม่รู้ความจริง ดีตรงไหน?

~ ไม่มีใครเลยนอกจากความจริง ธรรมเป็นธรรม ความเห็นถูกมีจริง ความเห็นผิดมีจริง ไม่ใช่ใคร

~ ถ้าเป็นสภาพธรรมที่เป็นปัญญาเจตสิก ที่เป็นปรมัตถธรรม เป็นสภาพธรรมที่รู้ความจริงของสิ่งที่มีลักษณะจริงๆ ปรากฏ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจว่า สภาพธรรมนั้นเป็นแต่เพียงลักษณะที่ปรากฏ ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ปรากฏแล้วหมดไป เป็นความไม่เที่ยง และความไม่เที่ยงนั้นเป็นทุกข์ นั่นคือปัญญาที่รู้ความจริงของสภาพธรรมนั้น

~ ถ้ารู้ถูกต้อง กล้าไหม? กล้าพูดสิ่งที่ถูกต้องเพื่อประโยชน์ให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ไม่หวั่นเกรงอะไร ใครจะรัก ใครจะชัง ใครจะกล่าวร้าย ใครจะพูดอะไร กิเลสของใคร? จะพลอยไปมีกิเลสกันอย่างนั้นหรือที่จะไปโกรธ ปัญญาไม่เป็นอย่างนั้นเลย

~ ทุกสิ่งทุกอย่างมีจริงๆ ให้รู้ความจริงของสิ่งที่มีจริง ไม่ใช่ให้ไปทำอะไรเพื่อที่จะรู้ ถ้าให้ไปทำอะไรเพื่อที่จะรู้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ทรงแสดงพระธรรม ๔๕ พรรษา ใช่ไหม? ถ้าให้ไปทำอะไรเพื่อจะรู้ ไม่ต้องทรงแสดงธรรมละเอียดอย่างยิ่ง กว่าจะรู้ได้เข้าใจได้ เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย จะไม่รู้ว่าพระองค์ตรัสว่าอย่างไร

~ ถ้าเป็นผู้ที่อบรมเจริญเมตตายิ่งขึ้น อกุศลอื่นๆ ก็จะลดน้อยลง มานะ (ความสำคัญตน) ก็ย่อมจะเบาบางลงไป เพราะเห็นว่าในขณะใดที่มีความสำคัญตน ถือตน ในขณะนั้นไม่ได้เมตตาบุคคลนั้นเลย ถ้าเมตตาแล้ว ต้องไม่มีการสำคัญตน

~ เมื่อเห็นประโยชน์ของกุศล ก็ไม่ละเลย แต่ว่าพากเพียรที่จะเจริญกุศลยิ่งขึ้น ก็จะทำให้เป็นอุปนิสสยปัจจัย (ที่อาศัยที่มีกำลัง) ในทางกุศลเพิ่มขึ้น อาศัยแต่ละขณะจิตซึ่งกุศลจิตเกิด จะทำให้ทางฝ่ายอกุศลจิตเบาบางลง

~ กุศลแม้เพียงชั่วขณะเล็กน้อยอย่างไรก็ตาม ที่ท่านรู้สึกว่าเป็นกุศลที่ไม่ใหญ่โตอะไรเลย เพียงแต่วาจาที่อ่อนหวาน ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนใจ ก็อย่าประมาทในกุศลเล็กๆ น้อยๆ นั้น และควรที่จะอบรมเจริญจริงๆ ถ้าท่านเป็นผู้ที่อบรมการละเว้นผรุสวาจา (คำหยาบคาย) จิตใจของท่านย่อมไม่เดือดร้อน เพราะเหตุว่าคนที่รับฟังคำของท่านไม่เดือดร้อนใจ จึงไม่นำความเดือดร้อนใจมาให้ท่านซึ่งเป็นผู้กล่าวด้วย

~ ผู้ที่เล็งเห็นประโยชน์จริงๆ และผู้ที่มุ่งขัดเกลากิเลส คือ ผู้ที่จะชนะตนเอง ก็เป็นผู้ที่เพียรที่จะละเว้นการพูดสิ่งที่ไม่มีประโยชน์

~ ถ้าท่านจะถูกประทุษร้ายเบียดเบียนในปัจจุบันชาตินี้ แทนที่จะนึกโกรธ หรือมุ่งร้ายต่อบุคคลซึ่งกระทำต่อท่าน ก็ควรมนสิการ (ใส่ใจ) ถึงกรรมของท่านเองที่ได้กระทำแล้วว่า มีเหตุที่ได้กระทำแล้ว ผลดังนี้จึงได้เกิดกับท่าน ถ้าคิดอย่างนี้จะเป็นประโยชน์ขึ้นบ้างไหม ซึ่งก็คงจะทำให้ละคลายการผูกโกรธ

~ การที่บุคคลอื่นจะถือเอาวัตถุซึ่งท่านไม่ได้ให้ไปเป็นของเขา ในอดีตท่านได้เคยกระทำอย่างนี้บ้างหรือเปล่า ถ้าไม่เคยเลย ท่านก็จะไม่ได้รับผลของกรรมนี้ แต่เวลาที่ได้รับผลของกรรม ลืมคิดถึงอดีตกรรมของท่านเอง

~ เป็นของที่แน่นอนที่สุด คือ เรื่องของกรรม ถ้าใครทำกุศลกรรม คนอื่นจะไปขอร้องไม่ให้กุศลกรรมให้ผล ก็เป็นไปไม่ได้ หรือว่าถ้าใครทำอกุศลกรรม ใครจะไปช่วยกันอ้อนวอนขอร้องอย่าให้บุคคลนั้นได้รับผลของอกุศลกรรม ก็เป็นไปไม่ได้เหมือนกัน

~ ผู้อื่นไม่ควรจะมีจิตใจที่เดือดร้อนกับเรื่องราวของบุคคลอื่น กับกรรมของบุคคลอื่น เพราะบุคคลนั้นย่อมเป็นไปตามกรรมของเขา และในขณะเดียวกันนั้น ควรที่จะได้พิจารณาถึงสภาพจิตของตนเองว่า ถ้าจิตเป็นอกุศล ก็เป็นการกระทำตนเองให้เดือดร้อน เพราะได้สะสมอกุศลความเศร้าหมองของจิตมากขึ้น ซึ่งก็จะเป็นโทษเพิ่มขึ้น

~ พระธรรมมีเยอะมากใน ๔๕ พรรษา วันนี้เราฟังกี่นาที น้อยมากใช่ไหมเมื่อเทียบกับในสังสารวัฏฏ์ที่ผ่านมา แต่ประโยชน์มหาศาล ก็ฟัง เพราะเห็นประโยชน์ แต่บังคับบัญชาไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเป็นไป ถ้ามีการเห็นประโยชน์มาก จะไม่ขาดการฟังแน่นอนพราะเวลาฟัง บางคนบอกว่า "ไม่มี" ถูกหรือ? เวลาอื่นมี แล้วเวลาฟังธรรมไม่มีอย่างนั้นหรือ?



ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๓๓



... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
swanjariya
วันที่ 15 ต.ค. 2566

กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
swanjariya
วันที่ 15 ต.ค. 2566

กราบขอบพระคุณและยินดีในกุศลทุกประการของท่านอาจารย์คำปั่น อักษรวิลัย

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
มังกรทอง
วันที่ 15 ต.ค. 2566

แต่ละคำองค์พระศาสดา จักศึกษาจนเข้าใจ หนักแน่นไม่หวั่นไหว ด้วยมั่นใจในอนัตตา กราบอาจารย์สุจินต์ให้ เมตตาได้ทุกเวลา อีกเปี่ยมความกรุณา น้อมศรัทธาอาจารย์เทอญฯ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
jaturong
วันที่ 15 ต.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
มังกรทอง
วันที่ 15 ต.ค. 2566

พุทธองค์ทรงมอบด้วย คำจริง
พึงอ่านฟังธรรมอิง สิ่งแท้
อดทนจิตเจตสิกพิง กุศลหลัก
ยากยิ่งหามีแพ้ มุ่งเข้าใจธรรม

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chatchai.k
วันที่ 15 ต.ค. 2566

กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Lai
วันที่ 15 ต.ค. 2566

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
เมตตา
วันที่ 16 ต.ค. 2566

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของ อ.คำปั่น และทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
เมตตา
วันที่ 16 ต.ค. 2566

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของ อ.คำปั่น และทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Jans
วันที่ 16 ต.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
เมตตา
วันที่ 16 ต.ค. 2566

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
เมตตา
วันที่ 16 ต.ค. 2566

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
Wisaka
วันที่ 17 ต.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
สิริพรรณ
วันที่ 13 พ.ย. 2566

กราบนอบน้อมพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า

กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และยินดีในกุศลของ อ.คำปั่น และทุกๆ ท่านค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ