สิ่งใดที่ปรากฏสิ่งนั้นต้องเกิด
สิ่งใดที่ปรากฏสิ่งนั้นต้องเกิด เวลาที่กำลังกระทบแข็ง แข็งปรากฏหมายความว่าแข็งต้องเกิด เราไม่ได้คิดถึงโต๊ะ ไม่ได้คิดถึงอะไรเลย ขณะนั้นก็จะมีกายทวารหรือกายปสาทซึ่งเป็นรูปที่เกิดจากกรรมที่สามารถจะกระทบกับเย็นหรือร้อน อ่อนหรือแข็ง ตึงหรือไหว ที่กระทบกาย ไม่ว่าเย็นหรือร้อน ต้องเกิดกระทบกายปสาท กายปสาทก็ต้องเกิดแล้วก็ดับด้วย
เรามองโลกเหมือนกับทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งเกิดดับสืบต่อมั่นคง เป็นสิ่งที่หนาแน่นที่ใหญ่โต แต่ความจริงมีอากาศธาตุแทรกคั่นอย่างละเอียด แม้รูปก็ต้องมีปัจจัยที่จะเกิดขึ้น บางรูปเกิดเพราะกรรมเป็นสมุฐานก่อตั้งให้รูปนั้นเกิดขึ้น บางรูปเกิดเพราะจิต บางรูปเกิดเพราะอุตุความเย็นความร้อน บางรูปก็เกิดเพราะอาหาร และรูปแต่ละกลุ่มก็เล็กมาก เพราะว่าอากาศธาตุแทรกคั่นอยู่โดยละเอียดยิบจริงๆ แม้แต่ในโต๊ะนี่ก็มีอากาศธาตุแทรกคั่นด้วย ถ้าเราไม่คิดถึงโต๊ะเลยแต่ว่ามีสิ่งที่กระทบกายปสาท สิ่งนั้นต้องเกิดแล้วก็ดับด้วย
พระธรรมที่ทรงแสดงไว้จากการตรัสรู้ ไม่ใช่จากการคิดไตร่ตรองแล้วก็แสดง แต่ว่าเพราะประจักษ์ความจริงของสภาพธรรมซึ่งแต่ละคนก็จะเริ่มต้นจากเหตุผล สิ่งใดก็ตามที่ปรากฏ สิ่งนั้นต้องเกิด ถ้าไม่เกิดจะไม่ปรากฏเลย แค่นี้ก็ทำให้เราสามารถจะรู้ได้ว่าปัญญาจริงๆ สามารถจะประจักษ์การเกิดดับของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้ได้ จึงจะเป็นการรู้แจ้งอริยสัจธรรม เป็นพระอริยบุคคลได้ ซึ่งในครั้งที่พระผู้มีพระภาคยังไม่ปรินิพพาน เมื่อทรงแสดงธรรม ก็มีผู้ที่ได้สะสมปัญญาในอดีตมามาก สามารถที่จะเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้ตามความเป็นจริงได้ แต่ว่าผู้ที่ยังไม่ได้สะสมปัญญาถึงระดับนั้น ก็จะต้องอบรมเจริญปัญญาตั้งแต่ขั้นการฟัง พิจารณา แล้วมีความมั่นคงในความเป็นจริงของเหตุผลด้วย

