ไม่เห็นประโยชน์ของการเป็นบรรพชิต

 
บ้านธัมมะ
วันที่  8 ก.ค. 2566
หมายเลข  46192
อ่าน  219

อีกสูตรหนึ่ง ที่จะให้ท่านเห็นถึงความคิด หรือความข้องใจของบุคคลในครั้งนั้น หรือหัวข้อที่บุคคลในครั้งนั้นสนทนาธรรมกัน แล้วธรรมที่ได้ฟังจะอุปการะแก่ผู้ฟังอย่างไร

ใน มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสถ์ พรามณวรรค โฆฏมุขสูตร ข้อ ๖๓๐ ซึ่งเป็นสมัยที่พระผู้มีพระภาคดับเสด็จขันธปรินิพพานแล้ว

สมัยหนึ่ง ท่านพระอุเทนอยู่ ณ เขมิยอัมพวัน ใกล้เมืองพาราณสี สมัยนั้นมีพราหมณ์คนหนึ่ง ชื่อว่า โฆฏมุขะ ได้ไปถึงเมืองพาราณสีด้วยกรณียกิจบางอย่าง แล้วได้เดินเที่ยวเล่นไปมาเป็นการพักผ่อน แล้วได้เข้าไปยังเขมิยอัมพวันครั้งนั้น ท่านพระอุเทนเดินจงกรมอยู่ในที่แจ้ง โฆฏมุขพราหมณ์ก็เข้าไปหาปราศัย เดินตามท่านพระอุเทนซึ่งกำลังเดินจงกรมอยู่ แล้วได้กล่าวกับท่าน พระอุเทนว่า ดูกร สมณะผู้เจริญ การบวชอันชอบธรรมย่อมไม่มี ในเรื่องนี้ข้าพเจ้ามีความเห็นอย่างนี้ เพราะบัณฑิตทั้งหลายเช่นท่านไม่เห็นข้อนั้น หรือไม่เห็นธรรมในเรื่องนี้

คือว่า โฆฏมุขพราหมณ์ไม่เห็นประโยชน์ของการบรรพชาอุปสมบทเป็นบรรพชิตเลย จึงได้กล่าวว่าการบวชอันชอบธรรมย่อมไม่มี พราหมณ์เองมีความเห็นว่า การบวชเป็นบรรพชิตไม่มีประโยชน์ แต่ท่านพระอุเทนเป็นบรรพชิต ฉะนั้นความเห็นของท่านพระอุเทนกับความเห็นของโฆฏมุขพราหมณ์นั้น ก็ย่อมจะต่างกัน ซึ่งเมื่อโฆฏมุขพราหมณ์ได้กล่าวอย่างนั้นแล้ว ท่านพระอุเทนลงจากที่เดินจงกรมเข้าไปยังวิหาร แล้วนั่งลงบนอาสนะที่จัดไว้ แม้โฆฏมุขพราหมณ์ก็ลงจากที่จงกรมเข้าไปยังวิหารแล้วยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วท่านพระอุเทน ได้กล่าวกับโฆฏมุขพราหมณ์ว่า ดูกร พราหมณ์ อาสนะมีอยู่ ถ้าท่านปรารถนาก็เชิญนั่งเถิด นี่เป็นคำเชิญของพระภิกษุในครั้งอดีต สำนวนก็ไพเราะ คือแล้วแต่ว่าผู้ฟังปรารถนาจะนั่งก็นั่งได้ ไม่ปรารถนาจะนั่งก็แล้วแต่อัธยาศัย ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 24


รับฟัง ... โฆฏมุขสูตร


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ