อยากทราบว่าแดนนิพพาน สภาวะเเบบไหนมีความรู้สึกไหม

 
Art99
วันที่  25 เม.ย. 2566
หมายเลข  45817
อ่าน  590

มีสภาวะอย่างไรครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 25 เม.ย. 2566

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียด ลึกซึ้ง แสดงถึงความเป็นจริงทั้งหมด เมื่อกล่าวถึงธรรมแล้ว ไม่พ้นไปจากนามธรรมและรูปธรรม สภาพธรรมที่ไม่รู้อะไรเลย ไม่ใช่นามธรรมก็เป็นรูปธรรมทั้งหมด นามธรรมแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือนามธรรมที่รู้อารมณ์ ได้แก่ จิตและเจตสิก และนามธรรมที่ไม่รู้อารมณ์ ได้แก่พระนิพพาน ที่เป็นสภาพธรรมที่ไม่เกิด ไม่ดับ แต่มีจริง พระอริยบุคคลขั้นต่างๆ เท่านั้นที่ประจักษ์แจ้งพระนิพพานได้ พระนิพพานเป็นธรรมที่มีจริง เป็นธรรมที่ดับทุกข์ดับกิเลส เป็นสภาพธรรมที่ไม่เกิดไม่ดับ จึงไม่ใช่เมือง ไม่ใช่สถานที่ใดๆ เลยทั้งสิ้น

การเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ เป็นได้ด้วยปัญญา และต้องเป็นปัญญาของแต่ละบุคคลจริงๆ ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องในหนทางที่เป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์แห่งจิต คืออริยมรรคมีองค์ ๘ มีสัมมาทิฏฐิ เป็นต้น ถ้าไม่มีปัญญาเลย ก็ไม่สามารถเป็นพระอริยบุคคลได้

สำหรับพระอริยบุคคลขั้นสูงสุดคือพระอรหันต์ เมื่อดับกิเลสหมดแล้วไม่มีกิเลสใดๆ เกิดขึ้นอีกเลย แต่ก็ยังมีสภาพธรรม กล่าวคือ จิต เจตสิก (ที่ไม่เป็นไปกับด้วยกิเลส) และรูป เกิดขึ้นเป็นไป ยังมีเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ยังมีการได้รับผลของกรรม ยังมีความเกิดขึ้นแห่งจิตที่ดีงามในการทำประโยชน์เกื้อกูลแก่บุคคลอื่น เป็นต้น ซึ่งก็ยังเป็นการเกิดดับสืบต่อกันของสภาพธรรม ยังมีสภาพธรรมเป็นไปอยู่ จนกว่าท่านจะดับขันธปรินิพพาน เมื่อนั้น ท่านจึงจะไม่มีการเกิดอีกในสังสารวัฏฏ์ ไม่มีจิต เจตสิก และรูป เกิดขึ้นอีกเลย จึงเป็นผู้สิ้นทุกข์โดยประการทั้งปวง ถึงแม้ในพระไตรปิฎกจะมีคำว่า บุรีคือนิพพาน และอสังขตสถาน แต่ก็ต้องเข้าใจให้ถูกว่า ไม่ใช่เมือง ไม่ใช่สถานที่ แต่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความเป็นจริงของสภาพธรรมที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง ที่ตรงกันข้ามกันสังขารธรรม ตรงกันข้ามกับทุกข์ ตรงกันข้ามกับกิเลสอย่างสิ้นเชิง

ก็ขอให้ตั้งต้นที่การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกในสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ ตรงตามความเป็นจริง เพราะธรรมละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่ง การประจักษ์แจ้งพระนิพพาน เป็นเรื่องที่ไกลมาก ซึ่งถ้าไม่เริ่มเข้าใจสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ ไม่มีทางถึงพระนิพพานได้เลย ครับ

... ยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
lokiya
วันที่ 27 เม.ย. 2566

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chatchai.k
วันที่ 29 เม.ย. 2566

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ckannikar
วันที่ 4 พ.ค. 2566

ดิฉันสนใจเรื่องภาวะอรหันต์ค่ะ เคยได้ยินมา (ไม่นานนี้) ว่าอรหันต์เป็นภาวะที่ดับหมดทั้งจิตและกาย (นามและรูป) ซึ่งทำให้ดิฉันสับสนเล็กน้อย เพราะนึกถึงคำว่า'จิตเดิมนั้นประภัสสร' ซึ่งได้ยินมานานมากแล้ว ในการปฏิบัติธรรมหรือศึกษาธรรม จึงเข้าใจเอาว่า เราต้องการขจัดกิเลสให้เบาบางลงไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้จิตเดิมที่ประภัสสรนั้น แต่หากเปรียบเทียบกับความรู้ใหม่แล้ว ดูเหมือนจะไม่ใช่ เพราะภาวะอรหันต์นั้น ไม่มีแม้แต่จิตหลงเหลืออยู่เลย จึงไม่มีสังสารวัฏฏ์อีก ดิฉันเลยต้องพยายามจินตนาการใหม่ว่า อรหันต์อาจเป็นอีกสภาวะหนึ่ง ที่เรายากจะนึกได้หรือจินตนาการได้.. ใช่ไหมคะ คิดอีกอย่างคือ.. แล้วหากเราตั้งเป้าหมายที่การกำจัดรูปและนาม แทนที่การกำจัดกิเลส จะเป็นเส้นทางตรงกว่าหรือไม่คะ.. ฟังดูเป็นการคิดแบบตลกของปุถุชน คนธรรมดาแบบดิฉันที่กิเลสยังหนา แม้แต่จะไปสู่ภาวะอรหันต์ยังจะหาทางลัด (ที่ก็ยังไม่รู้ว่ามีหรือไม่ และยังไม่มีใครเผยแพร่ความรู้ด้านนี้) ..แต่ดิฉันแค่คิดว่า มันอาจทำให้เราเห็นเป้าหมาย (ภาวะอรหันต์) ได้ชัดกว่า อาจทำให้เส้นทางกระชับกว่า.. หรือไม่คะ (ขออภัย อย่าคิดว่าล้อเล่นหรือกวนนะคะ)

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
khampan.a
วันที่ 12 พ.ค. 2566

เรียนความคิดเห็นที่ ๕ ครับ

พระอรหันต์ เป็นผู้ที่ห่างไกลแสนไกลจากกิเลสโดยประการทั้งปวง เป็นผู้ทำลายข้าศึก คือ กิเลสได้หมดสิ้น เป็นผู้ไม่มีภพใหม่อีกต่อไป การบรรลุถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ เริ่มตั้งแต่พระโสดาบันบุคคล ถึง ความเป็นพระอรหันต์นั้น ต้องเป็นผู้ที่สะสมอบรมเจริญปัญญา สะสมการสดับตรับฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ มาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ดำเนินตามหนทางที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ คือ หนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญา

พระอรหันต์ ตราบใดที่ท่านยังไม่ปรินิพาพาน (คือยังไม่ตาย) ท่านก็ยังมีสภาพธรรมเกิดขึ้นเป็นไป แต่ไม่เป็นไปกับด้วยกิเลสใดๆ เลย พระอรหันต์มีจิต ๒ ชาติ คือ ชาติวิบาก กับกิริยา เท่านั้น เมื่อท่านดับขันธปรินิพพานแล้ว จึงไม่มีการเกิดอีก ไม่มีสภาพธรรมใดๆ เกิดขึ้นอีกเลย

ก็ขอให้คุณ ckannikar ได้ตั้งต้นที่การฟังพระธรรม ฟังในสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ครับ

... ยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านด้วยครับ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ckannikar
วันที่ 15 พ.ค. 2566

กราบขอบพระคุณที่เมตตาตอบให้นะคะ ตอนแรกคิดว่าคงไม่มีใครตอบให้เพราะคำถามหรือความเห็นอาจหลุดโลก (เกินจะอธิบาย) มากเกินไป แต่ระหว่างที่รอคำตอบ ก็พยายามคิดเอง พิจารณาเองว่า พระพุทธเจ้าตั้งใจบำเพ็ญบารมีมานานแสนนานเพื่อการตรัสรู้ สิ่งที่สอนก็คงเป็นทางที่สั้นที่สุด (ตรงที่สุด) แล้วเพื่อความพ้นทุกข์พ้นโลก ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ