ยุคสมัยใหม่ ภิกษุไม่คุยในที่ลับกับสตรี แต่คุยในที่ลับกับบุรุษ ในลักษณะเรื่องเพศ มีระบุอาบัติในพระไตรปิฎกไหม

 
DjPut
วันที่  14 ก.พ. 2566
หมายเลข  45555
อ่าน  402

ยุคสมัยใหม่ ภิกษุไม่คุยในที่ลับกับสตรี แต่คุยในที่ลับกับบุรุษ ในลักษณะเรื่องเพศ มีระบุอาบัติในพระไตรปิฎกไหม

กรณี ถ่ายรูปอวัยวะเพศของภิกษุนั้น ส่งผ่านมือถือให้ผู้ชายด้วยกัน เป็นต้น


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 15 ก.พ. 2566

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปอย่างไร แต่พระธรรมวินัย ไม่เปลี่ยน
เพราะทั้งหมดมาจากพระปัญญาตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงแสดงถึงสิ่งที่มีจริง และทรงบัญญัติเป็นสิกขาบทให้เพศบรรพชิตได้ศึกษาและประพฤติตาม คือ เว้นในสิ่งที่เป็นโทษ และ ประพฤติในสิ่งที่ดี เป็นประโยชน์ เท่านั้น

ในประเด็นที่ภิกษุคุยกับบุรุษ จะในที่ลับหรือในที่ไม่ลับก็ตาม ถ้าชุ่มไปด้วยราคะ ความติดข้องยินดีพอใจ มุ่งไปในทางเพศ ก็ผิดพระวินัย มีโทษกับภิกษุนั้น และถ้าประมาทกิเลส ไม่เห็นโทษ ก็อาจจะทำให้ถึงกับขาดจากความเป็นภิกษุได้ คือ เป็นปาราชิก ถ้ามีเสพเมถุนทางปาก หรือ ทางทวารหนัก เป็นโทษเท่านั้นจริงๆ ทำทางให้ตนเองไปเกิดในอบายภูมิแท้ๆ เลย

พระวินัยบัญญัติที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติในเรื่องที่ภิกษุพูดคุยกับบุรุษในเรื่องเพศ มีดังนี้

[เล่มที่ 3] พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓- หน้าที่ ๑๘๙
บุรุษ ภิกษุมีความสำคัญว่า เป็นบุรุษ มีความกำหนัด และพูดพาดพิงถึงทวารหนัก ทวารเบา ของบุรุษ ชมก็ดี ติก็ดี ขอก็ดี อ้อนวอนก็ดี ถามก็ดี ย้อนถามก็ดี บอกก็ดี สอนก็ดี ด่าก็ดี ต้องอาบัติทุกกฏ

บุรุษ ภิกษุมีความสงสัย มีความกำหนัด และพูดพาดพิงถึงทวารหนัก ทวารเบา ของบุรุษ ชมก็ดี ติก็ดี อ้อนวอนก็ดี ถามก็ดี ย้อนถามก็ดี บอกก็ดี สอนก็ดี ด่าก็ดี ต้องอาบัติทุกกฏ


[เล่มที่ 3] พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ ๑๙๓

บุรุษ ๒ คน ภิกษุมีความสำคัญว่าเป็นบุรุษสองคน มีความกำหนัดและพูดพาดพิงถึงทวารหนัก ทวารเบา ของบุรุษทั้งสองคน ชมก็ดี ติก็ดี ขอก็ดี อ้อนวอนก็ดี ถามก็ดี ย้อนถามก็ดี บอกก็ดี สอนก็ดี ด่าก็ดี ต้องอาบัติทุกกฏ ๒ ตัว

บุรุษ ๒ คน ภิกษุมีความสงสัยทั้งสองคน มีความกำหนัด และพูดพาดพิงถึงทวารหนัก ทวารเบา ของบุรุษทั้งสองคน ชมก็ดี ติก็ดี ขอก็ดี อ้อนวอนก็ดี ถามก็ดี ย้อนถามก็ดี บอกก็ดี สอนก็ดี ด่าก็ดี ต้องอาบัติทุกกฏ ๒ ตัว



...ยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
DjPut
วันที่ 15 ก.พ. 2566

ต้องขออภัยในเนื้อหาที่ถาม เนื่องจากจะให้ช่วยกันสืบค้นพระไตรปิฎกครับ

ขออนุโมทนาในกุศล ในธรรมทาน และเผื่อผู้ไม่รู้ ได้ผ่านมาอ่านจะมีความละอายในธรรมและวินัยอันพระองค์ตรัสไว้ดีแล้ว

สาธุ อนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ธีรพันธ์
วันที่ 15 ก.พ. 2566

ขอถวายความนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ภิกษุที่มีอาบัติ (โทษที่ล่วงละเมิดพระวินัยบัญญัติ) ไม่แสดงคืน คือ ปลงอาบัติให้ถูกต้องตามธรรมวินัย ถ้ามรณภาพสิ้นชีวิตลงในขณะนั้น ก็ไปเกิดในอบายภูมิตามกรรมนั้นๆ ได้แก่ นรก เปรต อสุรกาย สัตว์ดิรัจฉาน ถ้าลาสิกขาบทก็ไม่มีอาบัติติดตัว

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Papsi
วันที่ 18 ก.พ. 2566

สนทนาธรรมเกิดขึ้น กุศลมี ทางสื่อไลน์เปรมปรีดิ์ เลิศล้ำ อาจารย์สุจินต์นำวิถี ทางถูก ฟังแห่งความจริงค้ำ เด่นด้วยปัญญา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 20 ก.พ. 2566

พระภิกษุที่พูดเรื่องเพศ อาบัติทุกกฏ ทุกคำที่พูด ภิกษุที่ล่วงอาบัติถ้าไม่ได้ปลงอาบัติ เป็นเหตุให้ไปอบายภูมิ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chatchai.k
วันที่ 11 มี.ค. 2566

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ