กุศลจิตกับกุศลมูล

 
ucat97
วันที่  6 ก.พ. 2566
หมายเลข  45537
อ่าน  537

ระหว่างนี้กำลังศึกษาคำบรรยายธรรมของท่านอาจารย์สุจินต์ เรื่องอารัมมณาธิปติปัจจัยๆ

ขอกราบเรียนถามว่า กุศลจิต กับ กุศลมูล ต่างกันอย่างไรครับ

พร้อมนี้ ขอฝากกราบเท้า ท่านอาจารย์สุจินต์ ฯ ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่งที่ได้เกื้อกูลผู้ใฝ่ธรรมทั้งหลาย ด้วยความเมตตา อดทน อุตสาหะพากเพียร แม้อายุของท่านจะมากแล้ว และทั้งที่พระธรรมที่พระพุทธทรงตรัสรู้ ลึกซึ้งยากต่อการนำมาถ่ายทอดให้เกิดความเข้าใจได้โดยง่าย

ยังนับเป็นวาสนาที่กระผมได้มีโอกาสศึกษาพระธรรมที่ตรงถูกต้องทั้งที่เป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่จะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพราะโรคร้ายระยะสุดท้ายคุกคาม

ต้องขอบคุณความเจ็บป่วยที่ทำให้กระผมได้มีโอกาสฟังคำบรรยายของท่านอาจารย์ ขณะนอนเตียง แม้ระยะเวลาสั้นๆ เพียงสิบเดือน ทำให้เข้าใจเหตุผลของความเป็นอนัตตาอย่างโล่งใจ เห็นความสำคัญของการละตัวตนก่อน (มิจฉาทิจฐิ) อย่างที่ไม่เคยเข้าใจอย่างนี้เลย

กระผมใฝ่ศึกษาธรรมมาตลอดกว่าสี่สิบปีโดยเข้าใจว่าคือการปฏิบัติธรรม เหมือนที่คนส่วนมากประพฤติปฏิบัติกันและเข้าใจว่าการปฏิบัติธรรมคือการสวดมนต์ นั่งสมาธิทุกเช้าค่ำ ตั้งแต่ฟังท่านอาจารย์ซึ่งแรกๆ ก็ยังไม่เข้าใจ เมื่อค่อยๆ พิจารณาไตร่ตรองก็ลงใจด้วยเหตุผล และแน่ใจว่าที่ปฏิบัติมาทั้งชีวิตจนถึงๆ วาระสุดท้ายที่ยังมีเวลาเหลือไม่มาก เป็นแนวทางที่ผิดเพราะ ไม่ทำให้เกิดปัญญา

แท้จริง "อนัตตา" เป็นส่วนสำคัญที่สุด ที่ควรศึกษาให้เข้าใจความไม่ใช่เรา ไม่มีเรา มีแต่การทำงานของรูป จิต เจตสิก ตามเหตุปัจจัย เกิดแล้วดับบังคับบัญชาไม่ได้

กระผมยังเข้าใจขั้นการฟัง แต่มั่นใจว่ามันเป็นการเดินทางที่ถูกต้องบนเส้นทางออกจากสังสารวัฏ

กระผมอยู่ต่างจังหวัด หมดโอกาสที่จะมากราบเท้าท่านอาจารย์เพราะสภาพร่างกายที่ไม่อำนวย ได้แต่ฟังคำบรรยายทุกวัน เพิ่มพูนความเข้าใจวันละเล็กวันละน้อยไปเรื่อยๆ จนกว่าสังขารจะไปไม่ไหว

ชาติหน้าและต่อๆ ไป ถ้ากุศลกรรมมีพอเป็นปัจจัยให้ได้เกิดเป็นมนุษย์ จะขอเป็นข้ารับใช้ ติดตามท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขต์ เพื่อได้มีโอกาสฟังพระธรรมของพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าอีก จนกว่าจะถึงสภาวะนิพพาน...สาธุ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 6 ก.พ. 2566

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กุศลจิต หมายถึง จิตที่เป็นกุศล ถ้ากล่าวถึง จิต แล้ว จิต ก็เป็นจิต แต่เพราะมีเจตสิกธรรมที่ดีงามประการต่างๆ มีศรัทธา สติ หิริ โอตตัปปะ อโลภะ อโทสะ เป็นต้น เกิดร่วมด้วย จึงเป็นกุศลจิต โดยมีมูลรากที่สำคัญที่จะทำให้กุศลจิตเกิดขึ้น เจริญไพบูลย์ขึ้น คือ กุศลมูล ๓ ได้แก่ อโลภมูล อโทสมูล และ อโมหมูล ซึ่งเป็นปัญญา ดังนั้น กุศลจิต กล่าวถึงเฉพาะตัวจิต แต่ถ้ากล่าวถึง กุศลมูลแล้ว ก็มุ่งหมายถึง เจตสิกธรรมที่ดีงาม ๓ ประเภท คือ อโลภะ อโทสะ และ อโมหะ ซึ่งทุกขณะที่กุศลจิตเกิดขึ้น ก็เกิดพร้อมกุศลมูล อย่างน้อย คือ อโลภมูล กับ อโทสมูล แต่ถ้ามีปัญญาเกิดร่วมด้วย ก็มีอโมหมูลเกิดร่วมด้วย และ กุศลมูลทั้ง ๓ นี้ ก็ยังเป็นเหตุปัจจัยให้กุศลจิตเกิดต่อๆ ไป ในขณะต่อๆ ไปอีกด้วย

ยินดีในกุศลของคุณ ucat97 ด้วย ที่เห็นประโยชน์ของการศึกษาพระธรรม และ ข้อความที่ฝากกราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ไพเราะซาบซึ้งเป็นที่สุด ครับ

...ยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ....

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ucat97
วันที่ 6 ก.พ. 2566

ขอกราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 11 มี.ค. 2566

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ