[คำที่ ๕๘๕] ธมฺมรติ

 
Sudhipong.U
วันที่  19 พ.ย. 2565
หมายเลข  45139
อ่าน  396

ภาษาบาลี ๑ คำ คติธรรมประจำสัปดาห์ “ธมฺมรติ

โดย อ.คำปั่น อักษรวิลัย

ธมฺมรติ อ่านตามภาษาบาลีว่า ดำ - มะ - ระ - ติ มาจากคำว่า ธมฺม (สิ่งที่มีจริง, คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) กับคำว่า รติ (ความยินดี) รวมกันเป็น ธมฺมรติ แปลว่า ความยินดีในธรรม แสดงถึงความเกิดขึ้นเป็นไปของธรรมฝ่ายดี คือ กุศลธรรมทั้งหลายที่เห็นประโยชน์ของพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีการฟัง มีการศึกษา สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกและประพฤติตามพระธรรม

ข้อความในธัมมปทัฏฐกถา อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท แสดงความเป็นจริงไว้ว่า ความยินดีในธรรม ชนะความยินดีทั้งปวง ดังนี้

อนึ่ง แม้ความยินดีในบุตร ความยินดีในธิดา ความยินดีในทรัพย์ ความยินดีในสตรี และความยินดีมีประเภทมิใช่อย่างเดียว อันต่างด้วยความยินดีในการฟ้อน การขับ การประโคม เป็นต้น ย่อมเป็นปัจจัยแห่งการยังสัตว์ให้ตกไปในสังสารวัฏฏ์ แล้วเสวยทุกข์โดยแท้ ส่วนความอิ่มใจซึ่งเกิดขึ้น ณ ภายในของผู้แสดงก็ดี ผู้ฟังก็ดี ผู้กล่าวสอนก็ดี ซึ่งธรรม ย่อมให้เกิดความเบิกบานใจ ให้น้ำตาไหล ให้เกิดขนชูชัน ความอิ่มใจนั้น ย่อมทำที่สุดแห่งสังสารวัฏฏ์ มีพระอรหัตต์ (ความเป็นพระอรหันต์) เป็นที่สุด ความยินดีในธรรม เห็นปานนี้แหละ ประเสริฐกว่าความยินดีทั้งปวง เพราะเหตุนั้น พระศาสดาจึงตรัสว่า “สพฺพรตึ ธมฺมรติ ชินาติ (ความยินดีในธรรม ชนะความยินดีทั้งปวง)


เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้แล้ว ก็ทรงแสดงพระธรรมเกื้อกูลแก่สัตว์โลก เพื่อให้สัตว์โลกได้เข้าใจอย่างถูกต้องในสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริง ละความไม่รู้ซึ่งเป็นต้นเหตุให้เกิดอกุศลต่างๆ มากมาย เพราะว่าอกุศลทั้งหลายเพิ่มขึ้นในแต่ละขณะที่ไม่รู้ เมื่อมีความเข้าใจถูก คือ ปัญญา ก็สามารถรู้ว่าสิ่งใดเป็นอกุศลซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดี และธรรมที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ไม่ดี คือความดีนั้นเป็นอย่างไร ธรรมเป็นจริงอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น กุศลเป็นกุศล อกุศลเป็นอกุศล เนื่องจากว่าชีวิตประจำวันก็มีทั้งอกุศลและกุศล และอกุศลก็เกิดมากด้วย ซึ่งเป็นธรรมดาของผู้ที่ยังมีกิเลส เต็มไปด้วยกิเลสประการต่างๆ เป็นการยากมากที่จะฟันฝ่าคลื่นของอกุศลไปได้ จึงสำคัญอยู่ที่ความเข้าใจที่ถูกต้องจริงๆ

ปัญญา เป็นเหมือนแสงสว่างที่จะนำไปสู่ทางของกุศล ห่างไกลจากอกุศลซึ่งเคยมีมากมาย แต่ว่าห่างทันทีไม่ได้เลย ต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป คล้อยตามความเข้าใจที่ค่อยๆ เจริญขึ้น ปัญญาไม่ได้นำโทษใดๆ มาให้เลย ทางของปัญญา เป็นทางที่จะทำให้กุศลทั้งหลายเจริญขึ้น

ตามความเป็นจริงแล้ว คำสอนใดก็ตามที่นำไปสู่ความอยากหรือความต้องการ นั่นไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่คำสอนใดที่จะทำให้เข้าใจถูกต้องในสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ได้ นั่นเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นคำสอนที่มีค่าอย่างยิ่ง เพราะเหตุว่าเป็นวาจาสัจจะ เป็นคำจริงที่จะทำให้เกิดความเข้าใจสิ่งที่มีจริงซึ่งไม่เคยรู้เลย ถ้าเปรียบเทียบความไม่รู้กับความรู้ ก็จะเห็นได้ว่า ความไม่รู้มีมากมายมหาศาล จะมีตัวตนที่จะไปเร่งรัดที่จะไปทำให้ความไม่รู้หมดสิ้นไป ทำให้โลภะหมดสิ้นไป ทำให้โทสะหมดสิ้นไป ทำให้กิเลสทั้งหลายหมดสิ้นไป ย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

สำหรับข้อความที่ว่า “ความยินดีในธรรม” นั้น คำว่า ความยินดี ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงความติดข้องต้องการอย่างโลภะ แต่เป็นความพอใจ เป็นความปรารถนา เป็นความประสงค์ที่จะฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมแล้วประพฤติตามด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง ซึ่งย่อมจะมีแต่ความเจริญ ด้วยคุณความดีและปัญญา และผลสูงสุดของความยินดีในธรรม คือรู้แจ้งความจริงดับกิเลสตามลำดับขั้นจนถึงความเป็นพระอรหันต์ ดับกิเลสทั้งปวงได้หมดสิ้น ไม่มีกิเลสใดๆ เกิดขึ้นอีกเลย ความยินดีในอย่างอื่น เช่น ยินดีในทรัพย์สินเงินทอง เป็นต้น เป็นความติดข้องยินดีพอใจ มีแต่จะพอกพูนกิเลสอกุศลให้มากขึ้นต่อไปอีก ทำให้มีการเวียนว่ายตายเกิดต่อไปไม่สิ้นสุด ซึ่งจะต่างกันกับความยินดีในธรรมอย่างสิ้นเชิง เพราะความยินดีในธรรม ทำให้ปัญญาเจริญขึ้น จนสามารถดับกิเลสได้ในที่สุด สิ้นทุกข์ในสังสารวัฏฏ์ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ความยินดีในธรรม จึงชนะความยินดีทั้งปวง

ควรอย่างยิ่งที่แต่ละคนจะเป็นผู้มีความเคารพในพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ พระมหากรุณาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง ด้วยความไม่ประมาท ด้วยความละเอียดรอบคอบ เพราะเหตุว่าตนเองเต็มไปด้วยความไม่รู้และกิเลสทั้งหลายที่ได้สะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ ถ้าไม่เริ่มฟัง ไม่มีความยินดีที่จะฟังพระธรรมเลย ความเข้าใจถูกเห็นถูก ก็จะเจริญขึ้นไม่ได้ นับวันมีแต่จะพอกพูนความไม่รู้ให้มากขึ้นต่อไป และที่สำคัญ พระธรรมทุกคำลึกซึ้งอย่างยิ่งซึ่งสามารถทำให้เกิดปัญญารู้สิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริงได้ เป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ได้ฟังได้ศึกษาอย่างแท้จริง

หนทางที่จะเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นไปเพื่อละความไม่รู้และกิเลสทั้งหลาย มีหนทางเดียว เท่านั้น คือ ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ด้วยความเป็นผู้ยินดีในธรรม เห็นประโยชน์ของพระธรรม ค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ ศึกษา ค่อยๆ ปลูกฝังความเข้าใจในความเป็นจริงของธรรมทีละเล็กทีน้อย ปัญญาที่ได้สะสมในขณะนี้ ไม่สูญหายไปไหน สะสมสืบต่ออยู่ในจิตทุกขณะ และจะมีกำลังเพิ่มมากยิ่งขึ้นถ้าได้ฟังได้ศึกษาพระธรรมต่อไป


อ่านคำอื่นๆ คลิกที่นี่ ... บาลี ๑ คำ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 21 พ.ย. 2565

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ