การรู้อารมณ์ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

 
บ้านธัมมะ
วันที่  3 พ.ย. 2565
หมายเลข  45005
อ่าน  16

สำหรับการรู้อารมณ์ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ที่เป็นวิถีจิตในวันหนึ่งๆ แยกออกเป็นทางปัญจทวารและทางมโนทวาร

การรู้อารมณ์ทางปัญจทวาร คือ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายต้องมีรูปปรมัตถ์จริงๆ เกิดขึ้นกระทบกับปสาทรูป จึงทำให้วิถีจิตเกิดขึ้นเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสกาย

เมื่อจักขุทวารวิถีดับไป ภวังคจิตเกิดคั่น มโนทวารวิถีจิตเกิดขึ้นสืบต่อ รู้อารมณ์เดียวกับทางปัญจทวารวิถีที่เพิ่งดับไป

เพราะฉะนั้น มโนทวารวิถีจะเกิดต่อจากทางปัญจทวารวิถีทุกครั้งที่ทาง ปัญจทวารวิถีเกิดขึ้นรู้อารมณ์วาระหนึ่งๆ นอกจากจุติจิตจะเกิด ซึ่งถ้าจุติจิตจะเกิด หลังจากที่ปัญจทวารวิถีดับแล้ว จุติจิตก็ย่อมเกิดต่อได้ โดยที่มโนทวารวิถีจิตจะ ไม่เกิดสืบต่อจากทางปัญจทวารวิถี เพราะว่าจุติจิตเกิดแล้ว แต่ถ้าจุติจิตไม่เกิด เวลาที่ปัญจทวารวิถีวาระหนึ่งวาระใดดับไปแล้ว ภวังคจิตเกิดคั่นแล้ว มโนทวารวิถีจิตต้องเกิดต่อและรู้อารมณ์ซึ่งเป็นอารมณ์เดียวกับที่ทางปัญจทวารวิถีที่เพิ่งดับไปรู้

เพราะฉะนั้น กล่าวได้ว่า มโนทวาราวัชชนจิตซึ่งเป็นวิถีจิตแรกทางมโนทวารนั้น เหมือนกับยามชั้นใน ซึ่งรับอารมณ์ต่อจากทางปัญจทวารวิถี และอารมณ์ใดก็ตามที่ผ่านมาสู่จิตแล้ว สัญญาเจตสิกจำอารมณ์นั้น แม้ว่าอารมณ์นั้นจะดับไปในชาตินี้ หลายปี หลายวัน หลายเดือน มโนทวาราวัชชนจิตก็ยังเป็นยามชั้นในที่จะให้อารมณ์นั้นเป็นอารมณ์ของกุศลจิต หรืออกุศลจิต ซึ่งเกิดต่อจากมโนทวาราวัชชนจิตได้

แสดงให้เห็นว่า มโนทวารวิถีจิต ไม่มีรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะกระทบ จริงๆ เพราะถ้าเป็นรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะที่เกิดและยังไม่ดับ และกระทบ จะต้องเป็นปัญจทวารวิถีจิตที่เกิดขึ้นรู้รูปที่ยังไม่ดับ แต่เมื่อรูปดับไปแล้ว ภวังคจิตเกิดคั่นแล้ว มโนทวารวิถีจิตจะเกิดต่อโดยมีมโนทวาราวัชชนจิตเกิดเป็นขณะแรก และหลังจากนั้นก็เป็นกุศลจิตหรืออกุศลจิตเกิดดับสืบต่อกัน ๗ ขณะ

นอกจากนั้น ถึงแม้ว่ารูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะจะไม่ได้กระทบทาง ปัญจทวารเลย มโนทวาราวัชชนจิตก็ยังนึกถึงอารมณ์หนึ่งอารมณ์ใดได้และดับไป จากนั้นชวนจิตซึ่งเป็นอกุศลประเภทหนึ่งประเภทใดหรือกุศลจิตก็เกิดต่อได้ หลังจากที่มโนทวาราวัชชนจิตดับไป ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 1519

รับฟัง ...

การรู้อารมณ์ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ