ปัญจทวารวิถีจิตมีรูปปรมัตถ์เป็นอารมณ์

 
บ้านธัมมะ
วันที่  3 พ.ย. 2565
หมายเลข  44994
อ่าน  17

มีท่านผู้ฟังท่านหนึ่งถามว่า ปัญจทวารวิถีจิตมีรูปปรมัตถ์เป็นอารมณ์อยู่แล้ว ทำไมต้องรู้อีกว่าเป็นรูปปรมัตถ์ เพราะว่าทางปัญจทวาร วิถีจิตทั้งหมดตั้งแต่ ปัญจทวาราวัชชนะ จักขุวิญญาณ สัมปฏิจฉันนะ สันตีรณะ โวฏฐัพพนะ ชวนะ ตทาลัมพนะ มีรูปที่เกิดแล้วยังไม่ดับเป็นอารมณ์ เพราะฉะนั้น ก็เป็นปรมัตถอารมณ์ ไม่ใช่บัญญัติ

ทางตาก็เป็นเพียงสีสัน หรือสิ่งที่กำลังปรากฏทางตาในขณะนี้โดยยัง ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นเป็นอะไร ทางหูก็ได้ยินเฉพาะเสียง ทางจมูกก็ได้กลิ่นที่ยังไม่ดับ ยังไม่รู้ว่าเป็นกลิ่นอะไร ทางลิ้นขณะที่ลิ้มรส ยังไม่รู้ว่าเป็นรสอะไร แต่ก็ต้องลิ้มรสหวาน รสเปรี้ยว รสเค็ม รสขม รสขื่น รสฝาดตามปกติ เพียงแต่ไม่ได้มีบัญญัติ หรือรู้อรรถความหมายของรูปที่กำลังปรากฏในขณะนั้น เพราะฉะนั้น เมื่อปัญจทวารวิถีจิตมี รูปปรมัตถ์เป็นอารมณ์อยู่แล้ว ท่านผู้นั้นก็สงสัยว่า ทำไมจะต้องรู้อีกว่าเป็นรูปปรมัตถ์

ที่เป็นอย่างนี้ เพราะในขณะที่มีปรมัตถธรรมเป็นอารมณ์ เช่น สี หรือเสียง หรือกลิ่น หรือรส หรือโผฏฐัพพะ กระทบตา หู จมูก ลิ้น กายและยังไม่ดับ ทางปัญจทวารวิถี ในขณะนั้นไม่ใช่ขณะที่รู้ด้วยปัญญาว่า สิ่งที่กำลังปรากฏนั้น เป็นสภาพธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน

ขณะที่เห็น ไม่ใช่ในขณะที่กำลังรู้ชัดประจักษ์แจ้งในสภาพของนามธรรมซึ่ง ต่างกับรูปธรรม ทางจักขุวิญญาณก็เห็นสิ่งที่ปรากฏ ทางโสตวิญญาณก็ได้ยินเสียง เป็นปกติธรรมดา ทุกท่านเห็น ทุกท่านได้ยิน แต่รู้หรือเปล่าว่า ขณะที่กำลังเห็น สภาพเห็นเป็นนามธรรมไม่ใช่เรา และสิ่งที่ปรากฏก็ไม่ใช่สัตว์บุคคลใดๆ ทั้งสิ้น เป็นแต่เพียงสิ่งที่กระทบจักขุปสาทจึงปรากฏ ถ้าไม่กระทบจักขุปสาทก็ไม่ปรากฏ เพราะฉะนั้น การอบรมเจริญปัญญา ก็เพื่อรู้ความจริงของสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปในวันหนึ่งๆ ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 1521

รับฟัง ...

ปัญจทวารวิถีจิตมีรูปปรมัตถ์เป็นอารมณ์


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ