สภาพธรรมที่สติระลึกรู้เป็นอารมณ์ที่เกิดทางปัญจทวารวิถีหรือมโนทวารวิถี

 
ทรงศักดิ์
วันที่  2 ต.ค. 2565
หมายเลข  44484
อ่าน  431

๑. ขณะที่สติรู้รูปารมณ์ เป็นอารมณ์ที่เกิดทางจักขุทวารวิถีหรือว่าเป็นอารมณ์ที่เกิดทางมโนทวารวิถีที่รับอารมณ์ต่อจากจักขุทวารวิถี

๒. ขณะที่สติระลึกรู้สภาพเห็น สภาพเห็นเป็นจักขุวิญญาณหรือเป็นจิตที่เกิดทางมโนทวารวิถีที่รู้รูปารมณ์ต่อจากจักขุทวารวิถี


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 2 ต.ค. 2565

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

๑. ขณะที่สติรู้รูปารมณ์ เป็นอารมณ์ที่เกิดทางจักขุทวารวิถีหรือว่าเป็นอารมณ์ที่เกิดทางมโนทวารวิถีที่รับอารมณ์ต่อจากจักขุทวารวิถี

สติปัฏฐานที่เกิดทางตา ก็ต้องรูปารมณ์ที่กำลังมีกำลังปรากฏในขณะนั้น หรือ ระลึกรู้รูป ที่ปรากฏสืบต่ออยู่ ทางใจ ซึ่งเป็นอารมณ์ปัจจุบัน สติปัฏฐานเกิดตามเหตุตามปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ขณะที่สติปัฏฐานเกิด ไม่ใช่คิด ไม่ใช่นึกว่าเป็นทางทวารไหน เพราะขณะนั้น กำลังระลึกรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตรงตามความเป็นจริง

ข้อความบางตอนจากคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ มีดังนี้

"สติปัฏฐานเกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะของสิ่งที่ปรากฏทางตาที่กำลังเห็นก็ได้ โดยที่ไม่ต้องนึกถึงว่า ขณะนี้เป็น ปัญจทวารวิถี หรือว่าเป็นมโนทวารวิถี ไม่จำเป็นต้องคิด เพราะถ้าคิดในขณะนั้น กำลังรู้คำ รู้เรื่อง รู้ชื่อ รู้สมมติบัญญัติ ไม่ใช่เป็นการมนสิการ พิจารณา น้อมที่จะรู้สภาพของสิ่งที่ปรากฏว่า เป็นเพียงสภาพธรรมชนิดหนึ่งที่กำลังปรากฏ และสามารถจะปรากฏได้เฉพาะทางตาในขณะที่กำลังเห็น

เพราะฉะนั้น การอบรมเจริญสติปัฏฐานไม่มีชื่อ ไม่มีบัญญัติเข้าไปคิดนึกคั่นหรือแทรก แต่ก็ห้ามไม่ได้อีก เช่น ในขณะที่กำลังเห็นนี้ สติอาจจะระลึกนิดหนึ่ง รู้ว่า มีสิ่งที่กำลังปรากฏจริงๆ ยังไม่รู้อะไรมาก แต่รู้ว่าขณะนี้มีสิ่งที่กำลังปรากฏทางตา จริงๆ แต่ก็แสดงถึงขณะที่มีสติเกิดขึ้น จึงระลึกรู้ว่า สิ่งที่กำลังปรากฏทางตา มี

รูปารมณ์มีอายุ ๑๗ ขณะ และดับไป มโนทวารวิถีจิตรับรู้รูปารมณ์ต่อจาก ปัญจทวารวิถี เพราะฉะนั้น เวลาที่สติระลึกรู้ลักษณะของรูปธรรม ที่จะปรากฏความขาดตอนระหว่างปัญจทวารวิถีและมโนทวารวิถี คือ มโนทวารวิถีปรากฏ รู้รูปที่ต่อจากปัญจทวารวิถีได้ ซึ่งยังชื่อว่าเป็นปัจจุบันอารมณ์ เพราะมีการเกิดดับสืบต่อกันอยู่"


๒. ขณะที่สติระลึกรู้สภาพเห็น สภาพเห็นเป็นจักขุวิญญาณหรือเป็นจิตที่เกิดทางมโนทวารวิถีที่รู้รูปารมณ์ต่อจากจักขุทวารวิถี

ระลึกรู้เห็นหรือระลึกรู้จักขุวิญญาณ ต้องเป็นวิถีจิตทางมโนทวารเท่านั้น จะไม่ใช่ทางปัญจทวารเลย เพราะทางปัญจทวาร รู้อารมณ์ที่เป็นรูปปรมัตถ์เท่านั้น ดังนั้น ที่จะระลึกรู้เห็นตามความเป็นจริง ก็ต้องเป็นทางมโนทวาร คือ กุศลที่ประกอบด้วยปัญญา ที่ระลึกรู้จักขุวิญญาณ ที่เกิดดับสืบต่อกัน ตรงตามความเป็นจริง

ข้อความบางตอนจากคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ มีดังนี้

เมื่อเห็นยังมีปรากฏอยู่ เพราะเกิดแล้วก็ดับและก็มีจิตอื่นเกิดสืบต่อทันทีอย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้น สติปัฏฐานจึงเป็นกุศลที่เกิดพร้อมกุศลจิต และระลึกรู้ลักษณะสภาพของจิตเห็นซึ่งเกิดสืบต่อกัน โดยที่มีจิตอื่นเกิดสืบต่อคั่นอยู่ในระหว่างจิตที่กำลังเห็น เวลานี้ นับไม่ถ้วนว่าขณะนี้จักขุวิญญาณเกิดดับแล้วกี่ดวง เพราะว่าไม่ปรากฏการเกิดขึ้นและดับไปของจักขุวิญญาณ แต่แม้กระนั้น ก็มีจิตอื่นซึ่งเกิดดับคั่นอยู่ระหว่างจักขุวิญญาณดวงหนึ่งกับจักขุวิญญาณอีกดวงหนึ่งซึ่งปรากฏว่าต่อกัน นี่เป็นการที่แสดงให้เห็นว่า สติปัฏฐานในระหว่างนั้น สามารถที่จะเกิดระลึกรู้ลักษณะของจักขุวิญญาณ คือ จิตที่กำลังเห็นในขณะนี้ได้

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 2 ต.ค. 2565

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ทรงศักดิ์
วันที่ 3 ต.ค. 2565

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ