กิเลสนั้นเป็นโรค ซึ่งเป็นโรคที่มีอันตรายมาก

 
chatchai.k
วันที่  13 ก.ย. 2565
หมายเลข  43831
อ่าน  199

(อาพาธปลิโพธ)

ท่านผู้ฟังจะเห็นได้ว่า ทุกข์ไม่ใช่มีแต่เฉพาะโรค หรือ อาพาธ โทมนัสทนไหวไหม เศร้าโศกเสียใจเหลือเกิน ซึ่งบางคนทุกข์กายทนได้ แต่ทุกข์ใจทนไม่ได้

ความทุกข์ไม่ใช่มีแต่เฉพาะอาพาธ ไม่ใช่มีแต่เฉพาะโรคภัย ทุกอย่างจะเป็นความโศกหรือว่าความคับแค้นใจต่างๆ ก็เป็นโรคทั้งสิ้น ซึ่งจะต้องละได้ด้วยปัญญาที่เห็นสภาพธรรมต่างๆ ตามความเป็นจริง

ข้อความที่ว่า กายนี้แลเป็นดังโรค เป็นดังหัวฝี เป็นดังลูกศร เป็นความลำบาก เป็นความเจ็บไข้ ไม่ได้หมายเฉพาะแต่ว่า ร่างกายนี้เป็นที่เกิดโรคภัยไข้เจ็บเท่านั้น แต่กล่าวถึงความจริงที่ลึกซึ้งอีกหลายประการ เพราะถ้าจะพูดถึงความทุกข์ ไม่ใช่แต่เฉพาะโรคภัยเท่านั้นที่เป็นทุกข์ ความโศกความโทมนัสก็เป็นทุกข์ ถ้าไม่มีกาย จะมีความโศกมีความโทมนัสได้ไหม ไม่มีบ่อเกิด ไม่มีที่เกิดของความทุกข์ ไม่มีที่เกิดของความโทมนัส แต่เพราะมีกายซึ่งนอกจากกายจะเป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆ เป็นที่เกิดของโรคตา โรคหู โรคจมูก โรคลิ้น แล้วก็โรคนานาประการ แล้วยังเป็นที่เกิดของความทุกข์ ความโทมนัส นานาประการด้วย

ถ้าไม่มีกาย ก็ไม่มีความเสียใจ ไม่มีความทุกข์แน่ แต่ละเอียดลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น ถ้าไม่มีกาย การเห็นมีไหม การได้ยินมีไหม การได้กลิ่นมีไหม การรู้รสต่างๆ มีไหม การที่จะรู้เย็น ร้อน อ่อน แข็งต่างๆ มีไหม ก็ไม่มี แต่เมื่อมีการเห็น สีก็ปรากฏ ทั้งเห็นและสี ไม่เที่ยง เป็นทุกข์

เพราะฉะนั้น กายเป็นดังโรค เป็นดังหัวฝี นำความทุกข์มาให้ เพราะการเห็น ถ้าเห็นสิ่งที่ชอบที่พอใจ ก็เพลิดเพลินไประยะหนึ่ง ชั่วครั้งชั่วคราว แต่ว่ายิ่งเพลินยิ่งชอบมากเท่าไร ก็ย่อมนำความทุกข์มาให้เท่านั้น เพราะฉะนั้น กายไม่ใช่ที่เกิดเฉพาะโรคภัยไข้เจ็บ แต่เป็นดังโรค เป็นดังหัวฝี นำมาซึ่งความทุกข์ ความโทมนัส เป็นที่เกิดของนามและรูป การเห็น ทุกคนก็คงจะพอใจที่ได้เห็น แต่ถ้ารู้ความจริงว่า การเห็นเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ถ้าไม่มีจักขุปสาท การเห็นก็เกิดไม่ได้ และเมื่อเกิดขึ้นแล้วไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืนเลย หู ซึ่งเป็นปัจจัยให้เกิดการได้ยิน ถ้าไม่มีหูก็ไม่ได้ยิน และเมื่อได้ยินแล้วถึงจะชอบ อยากจะได้ยินสักเท่าไร การได้ยินนั้นก็ไม่เที่ยง

เพราะฉะนั้น ทุกอย่างก็เป็นดังโรค ซึ่งผู้ที่ไม่รู้ความจริงก็จะคิดว่า กายนั้นก็เป็นแต่เพียงที่เกิดของโรคภัยไข้เจ็บ ถ้าขณะใดที่ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ขณะนั้นก็เป็นสุข เป็นนิพพาน แต่พระผู้มีพระภาคตรัสกับมาคัณฑิยปริพาชกว่า

ที่มาคัณฑิยกล่าวว่า ความไม่มีโรคคืออันนี้ นิพพานคืออันนี้ ก็เพราะไม่มีจักษุของพระอริยะอันเป็นเครื่องรู้ความไม่มีโรค อันเป็นเครื่องเห็นนิพพาน

ถ้ายังมีกิเลสอยู่ตราบใด กิเลสนั้นเป็นโรค ซึ่งเป็นโรคที่มีอันตรายมาก เพราะเหตุว่าถ้ายังมีกิเลสเป็นเชื้ออยู่ตราบใด ก็จะไม่มีการสิ้นสุดโรค


ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...

แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 63

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง ...

อาพาธปลิโพธ ความกังวลห่วงใยในเรื่องของโรคภัยไข้เจ็บ

เรื่องของปลิโพธ ความกังวล ความห่วงใย


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ