สิ่งที่มิใช่ประโยชน์ในชีวิต จากพระสูตร อนัตถปุจฉกพราหมณ์

 
Thanapolb
วันที่  10 ก.ย. 2565
หมายเลข  43772
อ่าน  557

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ขอเรียนสอบถามเพิ่มเติม จากที่ได้ฟังพระสูตร อนัตถปุจฉกพราหมณ์ที่พระพุทธองค์ตรัส สิ่งที่มิใช่ประโยชน์ ๖ ประการ ได้แก่

๑. การนอนตื่นสาย

๒. ความเป็นผู้เกียจคร้าน

๓. การเป็นคนดุ

๔. การผลัดวันประกันพรุ่ง

๕. การเดินทางไกลคนเดียว

๖.การเสพภรรยาของบุคคลอื่น

คำถามมีอยู่ว่า..ประการที่๑ สิ่งที่มิใช่ประโยชน์มีหลายประการ อาทิ การเล่นการพนัน การกล่าวคำเพ้อเจ้อ การคิดหาหนทางลัดเพื่อรู้แจ้งนอกเหนือจากที่พระองค์ตรัสไว้คืออริยมรรค...เหตุที่พระองค์ทรงตรัสเพียง ๖ ประการ ครอบคลุมสิ่งที่มิใช่ประโยชน์หรือไม่ อย่างไร?

ประการที่๒. หรือเพียง ๖ ประการนี้เพียงพอแก่อนัตถปุจฉกพารหมณ์ และผู้ฟังในขณะนั้น ที่จะได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม?

ประการที่๓. การเดินทางคนเดียว ก็อันตราย ไม่มีเพื่อนช่วยเหลือยามประสบภัย แต่ในความจำเป็นบางอย่าง หลายคนก็เดินทางคนเดียว เพื่อความคล่องตัว หรือไม่มีคนที่มีความเห็นเหมือนกัน ก็ไปคนเดียวดีกว่า ไปดั่งนอแรด... ในประการไม่เดินทางคนเดียว จะมีนัย อย่างละเอียดนอกจากเรื่องความปลอดภัยอย่างไรบ้างไหมครับ?

ขอบพระคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 10 ก.ย. 2565

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

๑. ความจริงแล้ว พระธรรม ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีมาก หลากหลาย โดยนัยประการต่างๆ แน่นอนว่า พระธรรม ที่ทรงแสดง เกี่ยวกับความเสื่อม ไม่ใช่มีเพียงเท่านี้ มีอีกหลายพระสูตร เช่น ปราภวสูตร สิงคลาลกสูตร เป็นต้น พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เพียงพอสำหรับผู้มีโอกาสได้ฟังได้ศึกษาจะได้เกิดปัญญาเป็นของตนเอง และ สิ่งที่พระองค์ทรงแสดง ไม่พ้นจากความจริง ซึ่งสามารถเข้าใจได้ และประจักษ์แจ้งได้ เพราะเป็นสิ่งที่มีจริงๆ

๒. พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดง ไม่พ้นจากสิ่งที่มีจริง ไม่ต้องไปแสดงหาความจริงที่ไหนเลย เมื่อสะสมเหตุที่ดีมา ได้ฟังความจริง ปัญญาเจริญขึ้น ก็สามารถประจักษ์แจ้งแทงตลอดสภาพธรรมถึงความเป็นพระอริยบุคคลได้ แม้ในเรื่องอนัตถปุจฉกพราหมณ์ เวลาจบพระธรรมเทศนา มีผู้ได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคล มีพระโสดาบันเป็นต้น ซึ่งจะต้องได้สะสมคุณความดีและปัญญามาแล้ว นานแสนนาน ไม่ใช่ได้ฟังแค่พระธรรมพระสูตรนี้พระสูตรเดียว

๓. การเดินทางไกลคนเดียว โดยนัยที่จะเป็นเหตุให้เกิดความเสื่อม ก็ย่อมมี ก็พอที่จะเข้าใจได้ แม้ในชีวิตประจำวันเอง ก็พิจารณาได้ ประสบปัญหาต่างๆ เกิดความไม่สะดวกประการต่างๆ หรือ ถูกประทุษร้ายเบียดเบียน ถูกปล้นชิงทรัพย์ ได้ เป็นต้น และที่สำคัญ พระผู้ตรัสคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ตรัสรู้ทุกสิ่งทุกอย่างตามความเป็นจริง ครับ

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 10 ก.ย. 2565

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Thanapolb
วันที่ 12 ก.ย. 2565

ขอบพระคุณและอนุโมทนายิ่งครับ อ.คำปั่น

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ