นั่ง นอน ยืน เดิน เป็นบัญญัติ
ถ. กระผมมีความเห็นในการเจริญสติปัฏฐาน ในอิริยาบถนั่ง มีรูปนามดังนี้ คือ ขณะที่ยืนอยู่นั้นสภาพธรรมเคร่งตึงของกายก็มี ขณะที่หย่อนกายลงนั่ง สภาพธรรมที่ไหวของกายก็มี ขณะผัสสะกับที่นั่งนั้น สภาพธรรมที่แข็งก็มี ที่อ่อนก็มี ขณะที่นั่งอยู่นั้น สภาพธรรมที่เย็นและร้อนมาผัสสะกายก็มี ขณะนั่งอยู่นั้นสภาพธรรมที่เห็นก็มี ขณะที่นั่งอยู่นั้นสภาพธรรมที่ได้ยินก็มี ขณะนั่งอยู่นั้นสภาพธรรมที่รู้กลิ่นก็มี ขณะนั่งอยู่นั้นสภาพธรรมที่คิดนึกก็มี ขณะที่นั่งอยู่นั้นสภาพธรรมที่คันก็มี ขณะที่นั่งอยู่นั้นสภาพธรรมที่ปวดเมื่อยก็มี
ฉะนั้น สภาพธรรมที่กระผมกล่าวมานี้ เป็นอารมณ์ของสติปัฏฐานใช่ไหม ส่วนอิริยาบถต่างๆ เหล่านี้ เช่น นั่งขัดสมาธิบ้าง นั่งพับเพียบบ้าง นั่งยองๆ บ้าง นั่งชันเข่าบ้าง นั่งไขว่ห้างบ้าง นั่งห้อยเท้าบ้าง นั่งเหยียดเท้าบ้าง นั่งคุกเข่าบ้าง เหล่านี้เป็นต้น กระผมมีความเห็น เรียกว่าอิริยาบถใช่ไหม ฉะนั้น มีบางอาจารย์กล่าวว่ารูปนั่ง กระผมไม่ทราบว่า ดูรูปนั่งนั้นมีอยู่ตรงไหน ขอท่านอาจารย์ช่วยให้ความสว่างแก่กระผมด้วย จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งครับ
สุ. นั่ง นอน ยืน เดิน เป็นบัญญัติให้รู้อาการลักษณะของรูปว่า ทรงอยู่ในลักษณะอย่างไร แต่ถ้าเป็นสภาพปรมัตถธรรม ต้องเป็นรูปใน ๒๘ รูป แล้วการเจริญสติปัฏฐานไม่ใช่ไปรู้สิ่งที่ไม่ปรากฏ กำลังเห็น อะไรปรากฏ กำลังได้ยิน อะไรปรากฏ ขณะนี้นั่ง อะไรกำลังปรากฏ ตามปกติธรรมดา ต้องรู้ลักษณะทางหนึ่งทางใด อย่าไปสร้างสิ่งที่ไม่ปรากฏในขณะนั้นขึ้น อย่าไปจงใจจดจ้องจะรู้สิ่งที่ไม่ปรากฏในขณะนั้น ถ้ากำลังนั่งอยู่ในขณะนี้ มีอะไรปรากฏ มีอาตาปี เพียรใส่ใจรู้ลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏ ไม่ใช่เพียรรู้อย่างอื่น ไม่ใช่ไปเพียรทำอย่างอื่นขึ้นด้วย แต่หมายความว่าสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ ก็มีอาตาปี เพียรใส่ใจรู้ลักษณะของสิ่งที่ปรากฏ เพราะเหตุว่าสิ่งที่ปรากฏจะปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ทุกภูมิ ทุกภพ เหมือนกันหมด บนสวรรค์ รูปพรหม ก็ยังคงเห็น ได้ยิน การที่จะรู้แจ้ง ละความเห็นผิด ละความไม่รู้ ละความสงสัย ก็ด้วยการเจริญความรู้ลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏ อย่าข้ามสิ่งที่กำลังปรากฏไปหาสิ่งอื่น ได้ยินก็มี ทำไมไม่มีสติระลึก รู้ลักษณะของได้ยินหรือเสียง ทำไมไปจดจ้องต้องการรู้สิ่งอื่น ถ้าท่านไม่เคยรู้รูปนั่ง ก็ไม่ต้องไปรู้ ในเมื่อเห็นกำลังเห็น ได้ยินกำลังได้ยิน ถ้ามีกลิ่นปรากฏ กลิ่นนั้นเป็นสิ่งที่ควรรู้ ทำไมจะต้องไปรู้สิ่งที่ไม่ปรากฏให้รู้
ทางตาเห็นสี สีเป็นสิ่งที่ปรากฏให้รู้ได้ แล้วรูปนั่งอยู่ที่ไหน จิตที่รู้สีทางตาดับไปแล้ว จิตที่รู้สีทางใจก็รู้สีนั้นต่อ เมื่อจิตรู้เสียงทางหูดับไปแล้ว จิตก็รู้เสียงนั้นทางใจต่อ เพราะฉะนั้น รูปที่รู้ได้ทางใจ ก็เป็นสี เป็นเสียง เป็นกลิ่น เป็นรส เป็นเย็น ร้อน อ่อน แข็ง เคร่ง ตึง ไหว ที่รู้ทางตา หู จมูก ลิ้น กายนั่นเอง ตรงตามปริยัติหรือไม่ตรง ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 35
รับฟัง ... มหาสติปัฏฐาน ตามปกติ

