สามี-ภรรยา

 
Suvidech
วันที่  24 ก.ค. 2550
หมายเลข  4351
อ่าน  1,676

ปัญหาในครอบครัว การทะเลาะกันระหว่างสามี-ภรรยา ไม่เข้าใจกัน เหมือนจะอยู่ด้วยกันไม่ได้ จะใช้ธรรมะเข้าช่วยอย่างไรดีครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 24 ก.ค. 2550

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ต้องรู้ปัญหาก่อน ว่าทำไมถึงคิดว่าอยู่ด้วยกันไม่ได้ ทุกอย่างต้องมีเหตุ เป็นเพราะเขาหรือเรา หรือเป็นสภาพธัมมะ ฝ่ายไม่ดีเกิดขึ้น เช่น ความไม่อดทน ความไม่เห็นใจหรือความเห็นแก่ตัวเกิดขึ้น ถ้าขาดคุณธรรม หรือธรรมที่เป็นฝ่ายกุศล เช่น ความอดทน หรือเมตตาแล้วก็ยากที่จะอยู่ด้วยกันได้ ตามธรรมดาก็ต้องยอมรับตามความเป็นจริงว่า เรารักตัวเองเป็นที่สุด แต่ถ้าเราคิดถึงคนอื่นบ้าง คิดถึงความสุขของคนอื่นบ้างแทนที่จะคิดถึงความสุขของตนเป็นหลัก ก็สามารถอยู่ด้วยกันได้ หรืออีกฝ่ายอดทนและเข้าใจ ก็ย่อมอยู่ด้วยกันได้ ดังนั้น ทางออกที่ดี ไม่ใช่ว่าจะคิดว่ายังไงก็อยู่ด้วยกันไม่ไได้ แต่พิจารณาเหตุผลว่า เป็นเพราะเรารักความสุขของตนเองเป็นหลักหรือเปล่า ถ้าเรารู้จักเสียสละบ้าง อดทนที่จะไม่คิดถึงความสุขของตนเองเป็นหลักและเห็นใจและเข้าใจต่อบุคคลที่อยู่ร่วมด้วย คิดถึงอกเขาอกเราบ้าง ก็จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นครับ แต่ถ้าไม่มีมีสิ่งที่กล่าวมา ก็คงเข้าใจได้ว่า จะพยายามหาทางออกอยู่คือ ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา บังคับใครไม่ได้ แต่อธิบายให้เข้าใจได้ด้วยพระธรรม ไม่ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรในอนาคต บัณฑิตย่อมไม่ทิ้งพระธรรมและเมื่อมีทุกข์บัณฑิตย่อมทำความดี ไม่ทำความชั่ว

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 24 ก.ค. 2550

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 481

ข้อความบางตอนจาก ราชสูตร

ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบเนื้อความนี้แล้วจึง ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่าใครๆ ตรวจตราด้วยจิตทั่วทุกทิศแล้ว หาได้พบผู้เป็นที่รักยิ่งกว่าตนในที่ไหนๆ ไม่เลย สัตว์เหล่าอื่นก็รักตนมากเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ผู้รักตนจึงไม่ควรเบียดเบียนผู้อื่น.

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 24 ก.ค. 2550

เรื่อง การพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์

เชิญคลิกอ่านที่นี่

เพียงรักจึงฆ่าและตายตาม[ปิยชาติกสูตร]

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 24 ก.ค. 2550

เรื่อง ความรักนำมาซึ่งทุกข์

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้าที่ 389

ความโศกย่อมเกิดแต่ของที่รัก ภัยย่อมเกิดแต่ของที่รัก ความโศกย่อมไม่มีแก่ผู้ปลดเปลื้องได้จากของที่รัก ภัยจักมีแต่ที่ไหน.

ความโศกย่อมเกิดแต่ความรัก ภัยย่อมเกิดแต่ความรัก ความโศกย่อมไม่มีแก่ผู้พ้นวิเศษแล้วจากความรัก ภัยจักมีแต่ที่ไหน.

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 24 ก.ค. 2550
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
อิสระ
วันที่ 25 ก.ค. 2550

สาธุ ....... ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
olive
วันที่ 25 ก.ค. 2550

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
udomjit
วันที่ 25 ก.ค. 2550

อนุโมทนาด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Guest
วันที่ 25 ก.ค. 2550

ขออนุโมทนาด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
wannee.s
วันที่ 25 ก.ค. 2550
 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
wannee.s
วันที่ 25 ก.ค. 2550

เชิญคลิกอ่านที่นี่

สังวาส ๔[ปฐมสังวาสสูตร]

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
natnicha
วันที่ 25 ก.ค. 2550

ขออนุโมทนาทุกความเห็นค่ะ จากความเห็นที่ 5 ถ้าเพื่อนของเรามักจะเล่าอกุศลของเขาให้เราฟังเพราะความสนิทสนม ทำให้เราเกิดอกุศลไปด้วย อีกทั้งอุปนิสัยบางอย่างทำให้เรารู้สึกขุ่นเคืองใจ ทำให้บางครั้งต้องการหลีกห่าง ถ้าเป็นแบบนี้ควรทำอย่างไร รบกวนขอคำแนะนำด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
wannee.s
วันที่ 25 ก.ค. 2550

ควรมีเมตตากับเขา และให้คำแนะนำที่ดีกับเขา ที่สำคัญรักษาใจเราไม่ให้เป็นอกุศลค่ะ ขอยกตัวอย่างจากพระไตรปิฏกเรื่องมิตรค่ะ ..

เชิญคลิกอ่านที่นี่

มิตรแท้ [สิงคาลกสูตร]

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
natnicha
วันที่ 25 ก.ค. 2550

ขอบคุณค่ะสำหรับคำแนะนำ จะพยายามค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
vad
วันที่ 25 ก.ค. 2550

การที่สามี ภรรยาจะอยู่ด้วยกันต้องมีความอดทน มีความเมตตาซึ่งกันและกันมากๆ บางคู่อยู่ด้วยกันมาตั้ง ๒๐ ปี ก็ยังแยกทางกัน ส่วนใหญ่เพราะรักตัวเองมากเมื่อคู่ของตนทำไม่ได้ดังใจก็หมดความเมตตาและความอดทน (เมตตาและอดทนเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมากๆ ) บางคู่ทะเลาะกันทุกวันก็ยังอยู่ด้วยกัน ดังนั้นถ้ามีเหตุที่จะต้องทำให้ไม่ได้อยู่ด้วยกันมันก็เป็นเรื่องปกติ เพราะธรรมเป็นอนัตตาไม่สามารถบังคับบัญชาได้ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นย่อมเป็นไปตามเหตุปัจจัย

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
namarupa
วันที่ 25 ก.ค. 2550

ก็เป็นเพื่อนกันก็ได้นี่คะ ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลย ในเมื่อต่างฝ่ายต่างก็หมดรักกันแล้ว ในฐานะสามีภรรยาบางครั้งการเป็นเพื่อนกันก็กลับดีกว่าเดิมซะด้วยซ้ำไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้ง ๒ คนจะรู้ดีกว่าคนอื่นในเรื่องของรายละเอียดปลีกย่อย ซึ่งก็จะเป็นผลที่ส่งให้การตัดสินใจนั้นถูกหรือผิด ไม่มีใครที่จะรู้ดีไปกว่าคุณ ๒ คนแต่ควรจะหันหน้ามาคุยกันดีๆ ปรึกษาหารือกันเหมือนเพื่อน พยายามคิดถึงในช่วงที่เคยมีความสุขอยู่ด้วยกันและถ้าเป็นไปได้ หากตัวคุณเองเป็นผู้ที่ศึกษาธรรมจริงๆ และปฏิบัติตามจริงๆ คุณก็ควรที่จะเป็นผู้ให้ เป็นกัลยาณมิตรต่ออีกฝ่ายหนึ่ง ดิฉันท่องคาถาไว้อยู่เสมอ ๑ คาถา คือ เมื่อไรที่โทสะเกิด และเรามีความทุกข์ เหตุก็มีอยู่อย่างเดียวแต่นั้นคือ เราไม่ได้อย่างที่ใจเราต้องการ เราอยากให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของเรา เมื่อไม่ได้มาแล้วเจ้าโทสะตัวดีและสำคัญสุดนะคะ ทุกอย่างเป็นไปตามกรรมค่ะ!

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
Sam
วันที่ 27 ก.ค. 2550
ขออนุโมทนาคำตอบของคุณ แล้วเจอกัน คุณ wannee.s และคุณ vad
 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
แวะเข้ามา
วันที่ 28 ก.ค. 2550
พบกันด้วยเหตุปัจจัย จากกันไปก็ด้วยเหตุปัจจัย ถ้าวิบากกรรมยังไม่สิ้น แม้จะหนีจากบุคคลนี้ไป ท่านก็ต้องไปชดใช้กับคนอื่นอยู่ดี
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ